Key Takeaway
อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ใช้เวลาไม่นานเลย เพียงแค่เริ่มต้นจาก ทฤษฎี 21 วัน เราก็สามารถกลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น ใช้ข้อดีจากความเคยชินให้กลายมาเป็นเครื่องมือพัฒนาตัวเอง เรามาดูกันว่าเพียงแค่ 21 วันนี้ เราจะสามารถทำอะไรได้บ้าง พร้อมกับไอเดีย Challenges ที่น่าสนใจ ไปดูพร้อมกันในบทความนี้ได้เลย!
ดร.แม็กซ์เวลล์ มอลตซ์ (Dr.Maxwell Maltz) ศัลยแพทย์ชาวอเมริกัน ผู้เสนอแนวคิด ‘กฎ 21 วัน’ ซึ่งเริ่มมาจากการสังเกตพฤติกรรมของคนไข้หลายคนที่มักจะใช้เวลา 21 วัน ในการฟื้นฟูและปรับตัวให้ชินหลังจากผ่านการผ่าตัด
จากการสังเกตนี้ ดร.มอลตซ์สันนิษฐานว่าผู้คนมักจะใช้เวลาประมาณ 21 วัน ในการยอมรับและปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น และทำให้สิ่งใหม่นั้นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตด้วยเวลา 21 วัน ดังนั้นหลักการของทฤษฏี 21 วัน คือการที่เราทำพฤติกรรมเดิมๆ ซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน จนในที่สุดพฤติกรรมนั้นจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเรา กลายเป็นการเปลี่ยนนิสัยตัวเองได้ภายใน 21 วัน
แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราทำมานานนั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่เพียงแค่เวลา 21 วันนี้ ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะทำให้เราสามารถอัปสกิลหรือสร้างสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เช่นกัน เรามาดูกันว่าหากจะใช้ ทฤษฏี 21 วันในการเปลี่ยนนิสัยตัวเอง มี Challenges อะไรบ้างที่น่าสนใจ
ลดน้ำหนัก สามารถเริ่มได้เลยไม่ต้องรอเริ่มพรุ่งนี้! หลายๆ คนมักมีวลีที่ติดปากติดใจว่า ‘เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยลด’ เพราะการเริ่มต้นมันยาก แต่การลดน้ำหนักนั้นหากเรามุ่งมั่นและตั้งใจ ก็สามารถทำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร งดของทอด อาหารหวาน และไม่ทานดึก เพียงแค่เปลี่ยนนิสัยการกิน 21 วัน ก็จะทำให้ต่อไปร่างกายเราจะคุ้นชินกับการทานอาหารดีๆ ช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น และแน่นอนว่าจะเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ดีของการลดน้ำหนักเลยทีเดียว
การนอนไวอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่การตื่นให้เช้าคงเป็นเรื่องที่หลายๆ คน ขอลาก่อน แต่รู้ไหมว่าพฤติกรรมการนอนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเรา เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายเราได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ได้เผาผลาญในระหว่างที่เรานอนหลับแล้ว จะช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่นและแจ่มใสในระหว่างวันด้วย
หากใครที่อยากเปลี่ยนนิสัยตัวเองเพียงแค่ 21 วันนี้ ร่างกายเราก็จะเคยชินกับระบบการนอนและการตื่น จนอาจทำให้เราไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกอีกต่อไป แถมยังได้ใช้เวลาชีวิตเพิ่มขึ้นระหว่างวันอีกด้วย
ในตอนเริ่มต้นของการออกกำลังกายถือเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายมากๆ สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่ม เพราะอาจจะรู้สึกท้อ เหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
แต่หากเราออกกำลังกายเพียงวันละ 30 นาที ติดต่อกันตามทฤษฎี 21 วัน ในวันต่อๆ ไป อาการปวดเมื่อยของเราก็จะลดน้อยลงและรู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้ออกกำลังกาย อีกทั้งการออกกำลังกายจะช่วยทำให้สมองเราปลอดโปร่งได้อีกเช่นกัน บอกได้เลยว่าการออกกำลังกายเป็นการเปลี่ยนนิสัยตัวเองที่น่าลองมากๆ เลยทีเดียว
การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาการขาดน้ำส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้มากกว่าที่คิด
ดังนั้นเราจึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งการดื่มน้ำให้เป็นนิสัยสามารถเริ่มได้จากการพกขวดน้ำหรือแก้วน้ำไว้ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน ในรถ หรือใกล้มือ เพื่อช่วยให้เราสามารถดื่มน้ำได้บ่อยขึ้นและติดเป็นนิสัยที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว
อาหารมีบทบาทสำคัญในการสะท้อนถึงสุขภาพของเรา หากเราทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ และได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนแลพเพียงพอ ร่างกายของเราก็จะมีความแข็งแรงและมีพลังในการทำงานมากขึ้น
หากใครที่ไม่ชอบทานผัก อาจลองปรับเปลี่ยนนิสัยการกินของตัวเองง่ายๆ โดยเริ่มจากการทานผักที่ไม่ขม หรือทานผักชิ้นเล็กๆ ที่ผสมในมื้ออาหาร รวมไปถึงการดื่มน้ำผักผสมผลไม้เพื่อช่วยให้สามารถทานผักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เพียงแค่เราลองปรับเปลี่ยนนิสัยการกินของตัวเอง 21 วัน รับรองได้เลยว่าสุขภาพของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัดแน่นอน
การอ่านหนังสืออาจเป็นสิ่งที่น่าเบื่อสำหรับหลายคนและอาจทำให้รู้สึกง่วงนอนได้ แต่แท้จริงแล้วการอ่านหนังสือถือเป็นส่วนหนึ่งในการฝึกสมาธิที่ดี ช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้และความรู้รอบตัวได้
หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอ่านหนังสือประเภทไหน แนะนำให้เลองอ่านบทความออนไลน์ตามหัวข้อที่เราสนใจ หรือประเด็นข่าวสารที่น่าติดตาม การอ่านนอกจากจะช่วยเพิ่มสมาธิและการจดจ่อแล้ว ยังทำให้ทักษะในการสื่อสารของเราได้จากตัวอย่างการใช้ภาษาในบทความและหนังสือต่างๆ อีกด้วย
การออมเงินเป็นสิ่งที่เรามักถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก แต่พอนานวันเข้าก็ลืมหรือขาดหายจากการออมเงินแบบจริงจังไป เรามาลองใช้ทฤษฎี 21 วัน เปลี่ยนนิสัยตัวเองในด้านการออมเงิน เพื่อให้เรามีวินัยในการออมเงินกันจริงจังอีกสักครั้ง
เราสามารถเริ่มออมเงินได้จากการตั้งเป้าให้แน่นอนว่าแต่ละวันเราจะแบ่งเงินออมเป็นสัดส่วนเท่าไร อาจจะลองหยอดกระปุกทุกวัน หรืออาจใช้วิธีเปิดบัญชีแล้วโอนเงินเข้าไปอย่างสม่ำเสมอ พอเมื่อถึง 21 วัน และเราได้เห็นยอดเงินเก็บที่เพิ่มขึ้น จะช่วยกระตุ้นให้เรามีกำลังใจในการออมต่อไป และอาจพัฒนาเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตที่มั่นคง
การทำ Bullet Journal เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างสมาธิและการจดจ่อ คล้ายกับการอ่านหนังสือ อีกทั้งยังช่วยทำให้เราได้กลับมาโฟกัสและทบทวนชีวิตในแต่ละวัน ทั้งในเรื่องของความรู้สึก สิ่งที่เราทำสำเร็จหรือยังทำไม่ได้ รวมถึงการมองย้อนกลับไปยังสิ่งที่ดีและสิ่งที่เรายังสามารถพัฒนาได้
การบันทึกประจำวันเช่นนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และหากเราลองเขียนอย่างต่อเนื่องตามทฤษฎี 21 วัน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาตนเองในอีกรูปแบบได้เช่นกัน
ลงเรียนคอร์สที่เราสนใจเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้อย่างจริงจังมากขึ้น เพราะจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำและให้คำปรึกษาแก่เรา ไม่ว่าจะเป็นคอร์สทำอาหาร คอร์สศิลปะ คอร์สดนตรี คอร์สออกกำลัง คอร์สเพิ่มพูนทักษะที่เกี่ยวข้องการสายอาชีพเพื่อพัฒนาตนเองในการทำงาน หรือคอร์สการออมและการลงทุน
ไม่ว่าเราจะสนใจเพิ่มพูนความรู้และทักษะแบบใดก็ตาม หากเราได้ลองเรียนรู้แบบจริงจังและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีคุณค่าต่อชีวิตของเราในระยะยาว
การท้าทายตัวเองด้วยการลองทำสิ่งใหม่ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเลิกผัดวันประกันพรุ่ง! เพราะหากยังมัวแต่เลื่อนต่อไปเรื่อยๆ เราอาจไม่ได้เริ่มต้นหรือทำอะไรสำเร็จเลย
ดังนั้นหากต้องการเปลี่ยนแปลงนิสัยของตัวเอง ลองใช้ทฤษฎี 21 วัน โดยเริ่มลงมือทำสิ่งที่ตั้งใจอย่างจริงจัง เมื่อเราทำได้ต่อเนื่องเป็นเวลา 21 วัน นิสัยใหม่ที่เราสร้างขึ้นก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา และช่วยให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ได้ในที่สุด
การปรับเปลี่ยนความคิดอาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ไม่เกินความสามารถของเราแน่นอน หลายครั้งเรามักมองตัวเองในแง่ลบหรือมองสถานการณ์ต่างๆ อย่างไม่สร้างสรรค์ แต่หากลองเปลี่ยนมุมมอง โดยมองเรื่องแย่ๆ ให้เป็นโอกาสเรียนรู้ และขอบคุณ สิ่งดีๆ และสิ่งเล็กๆ ในแต่ละวัน จะช่วยให้เรามองเห็นความสุขจากรอบตัวได้ง่ายขึ้น
การเปลี่ยนความคิดและนิสัยตัวเอง เริ่มได้จากการทำอย่างต่อเนื่องตามทฤษฎี 21 วัน เมื่อลองทำบ่อยๆ จะช่วยให้เราค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น และมองชีวิตด้วยมุมมองที่สดใสกว่าเดิม
การจีบคนที่เราชอบด้วยทฤษฎี 21 วัน เขาว่ากันว่าเวิร์คและได้ผลสุดๆ เพราะน้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน! เพราะความสม่ำเสมอและใส่ใจสามารถสร้างความประทับใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการทักทาย พูดคุย ส่งแชทหากัน หรือแชร์เพลงให้กันในทุกๆ วัน การแสดงออกถึงความใส่ใจเหล่านี้จะช่วยให้เขาค่อยๆ รู้สึกผูกพัน
หากเราลองทำติดต่อกัน 21 วัน และหยุดติดต่อในวันที่ 22 อาจเริ่มสงสัยและกลายเป็นฝ่ายคิดถึงเราจนต้องติดต่อกลับมาเอง เคล็ดลับสำคัญคือทำด้วยความจริงใจและอย่ากดดันเขามากเกินไป ความสม่ำเสมอและความเป็นตัวของตัวเองจะทำให้เขาแพ้ใจเราในที่สุด
การเริ่มเปลี่ยนนิสัยด้วยทฤษฎี 21 วัน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและท้าทายตนเองได้แบบไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย พักผ่อน รักษาสุขภาพ หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเองให้พร้อมทั้งในชีวิตและการทำงาน หากทำต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงที่ดีจะตามมาแน่นอน
Jobsdb มีบทความช่วยพัฒนาทักษะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเอง เรียนรู้เทคโนโลยี หรือเตรียมตัวสำหรับงาน และช่วยเพิ่มความก้าวหน้าทางอาชีพ พร้อมรวบรวมงานหลากหลายที่ตรงกับทักษะและความต้องการ เพื่อเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพของคุณ