เชื่อว่าเป็นปัญหาส่วนใหญ่ที่คนวัยทำงานทุกคนต้องเจอ หลายครั้งเราเองต้องโบกมือทักทายกับสภาวะ “Burnout Syndrome” หมดไฟ หมดใจที่จะทำงานหรือใช้ชีวิตในแต่ละวัน เริ่มตั้งคำถามในสิ่งที่เป็นอยู่ว่าถูกต้องไหม เราเดินมาถูกทางหรือเปล่า เอาจริง ๆ ไม่ว่างานนั้นจะเป็นที่คุณหลงรักและมีแพชชันกับมัน หรืองานที่ให้ค่าตอบแทนที่ภาคภูมิใจ เมื่อคุณเดินทางมาถึงจุดหนึ่ง เป็นปกติที่จะเข้าสู่ช่วงจุดพักและตั้งคำถามกับตัวเอง
อาการเหล่านี้สังเกตได้ง่าย ๆ ลองสำรวจหัวใจ สำรวจความรู้สึกตัวเองในแต่ละวันดู ของแบบนี้ไม่มีใครรู้จักคุณเท่าตัวคุณเอง หากคุณค้นลงไปในห้วงอารมณ์อันแน่นิ่งแล้วพบว่า มีม่านหมอกอะไรบางอย่างกำลังปกคลุมหัวใจ จนทำให้คุณเหนื่อยล้า ไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนเหม่อไปเรื่อย ๆ หรือใช้ชีวิตด้วยพลังงานแบบ Low Baterry ตลอดเวลา หรือรู้สึกว่าก้าวเดินแต่ก็ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน อย่าทิ้งให้ตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกเหล่านี้นาน ยิ่งปล่อยเวลา ยิ่งดำดิ่ง
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของการเป็นมนุษย์ เมื่อคุณใช้ชีวิตมาเรื่อย ๆ เป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดการตั้งคำถาม การใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ โดยไม่ตั้งคำถามนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามของเหล่านี้ไม่มีผิดถูก เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลที่ไม่มีใครมาตัดสินหรือรู้ดีมากที่สุดเท่าตัวคุณเอง
สุดท้ายแล้ว “การลาออก” อาจเป็นได้ทั้งหนทางดับทุกข์และสร้างทุกข์ได้ไม่ต่างกัน ค่อย ๆ คิดและไตร่ตรองอย่างช้า ๆ ของแบบนี้เปลี่ยนแค่วิธีคิดบางอย่าง ก็พาคุณออกจากจากวังวนความคิดเหล่านี้ได้ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม ลองปรับวิธีคิดไปพร้อม ๆ กัน
ขึ้นชื่อว่า “ความล้มเหลว” หากเลือกได้คงไม่มีมนุษย์คนไหนอยากลิ้มรสกับความเจ็บปวดในเรื่องแบบนี้ แต่อย่างที่เห็นกันดี ขึ้นชื่อว่าชีวิตหลาย ๆ อย่างเราก็ไม่สามารถควบคุมให้เป็นดั่งใจเราได้ทุกอย่าง ต่อให้เราตั้งใจกับมันมากแค่ไหน คิดว่าทำดีแล้ว แต่สุดท้ายปลายทางคุณก็อาจพบเจอกับความล้มเหลวเข้าจนได้
ทุก ๆ ครั้งที่คุณถูกความล้มเหลวเข้าปะทะ อยากให้คุณเรียนรู้จากมันให้มากที่สุด อย่าใช้ความรู้สึกอย่างเดียว ใช้ความเข้าใจไปพร้อมกันด้วย เสียใจได้ ผิดหวังได้ แต่ต้องเรียนรู้ อย่าจมอยู่กับมันนาน มูปออนแล้วก้าวต่อไป เพราะไม่มีมีใครในโลกไม่เจอกับเหตุการณ์นี้
ยกตัวอย่างบรรณาธิการชื่อดังอย่าง แอนนา วินทัวร์ เคยถูกไล่ออกจากงาน ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานสายแฟชั่น ในทางกลับกัน เธอมองว่านั่นคือความโชคดีที่ได้นำเธอออกมา และเปลี่ยนไปทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกัน หากคุณล้มเหลวกับอะไรบางอย่าง ลองมองว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดีให้ตัวคุณเองเริ่มต้นใหม่กับอะไรอีกอย่าง
“ทุกวันคือการเรียนรู้” เป็นประโยคไม่เกินจริงแต่อย่างใด ต่อให้ชีวิตของคุณจะถูกพัดพาหรือเติบโตไปในทิศทางไหน จะชอบหรือไม่ชอบมัน แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้คุณ Keep ไว้คือ พยายามเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ให้โอกาสตัวเองได้ทำ ได้ลองอะไรใหม่ ๆ ให้มากที่สุด ถึงสุดท้ายแล้วคุณอาจจะไม่ชอบมัน นั่นก็ไม่เป็นไร ผลลัพธ์อาจไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง การให้ “หัวใจ” คุณ ได้สูบฉีดกับสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น อย่างน้อยชีวิตก็ไม่เหี่ยวเฉาจนเกินไป
Tips : งานวิจัยบอกเล่าเอาไว้ว่า 85% ของคนที่ประสบความสำเร็จ มักอ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองหรือเกี่ยวกับงานวิชาการ อย่างน้อย 1-2 เล่ม/เดือน ส่วนคนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่จะอ่านหนังสือแนวความบันเทิง
รสชาติของความเปลี่ยนแปลง คงเป็นความขมของชีวิตใครหลายคน จนบางครั้งกลายเป็นสิ่งที่รั้งคุณไว้ไม่ให้ไปไหน ความเปลี่ยนแปลงและความล้มเหลว สองคำนี้ขอจัดให้อยู่ในหมวดเดียวกัน คือเป็นสิ่งที่ชีวิตคุณไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และปลายทางอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าปัจจุบันที่คุณเผชิญอยู่ จะมองว่าเป็น “จุดเริ่มต้น” ของอะไรบางที่ (อาจจะ) ดีอย่างก็ได้เช่นกัน
มุมหนึ่งของการทำงาน การที่คุณทำงานที่เดิมมานาน จนกลายเป็น Comfort Zone ที่สบายใจ จนไม่กล้าที่จะย้ายไปไหน ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาเจอกับความเปลี่ยนแปลง โอกาสดี ๆ มากมายที่ลอยผ่านไปโดยที่คุณไม่เอื้อมมือคว้า ทั้งหมดนั้นก็เพราะความกลัวของคุณเป็นสาเหตุ เปิดใจให้กว้าง แค่กล้า แล้วก้าวไป ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของคุณแน่นอน
มาที่อีกหนึ่งแนวคิดสำคัญที่น่าสนใจ คือการรับฟังคอมเมนท์ รับฟังคำวิจารณ์จากคนรอบตัว เข้าใจดีว่าธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใครยิ้มหวานรับฟังคำตำหนิได้อย่างสนิทใจ แต่นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องเปิดใจให้กว้าง แต่ไม่ใช่ไปรับคำวิจารณ์ที่ไม่มีคุณภาพเอามาใส่ใจ
ดูคนพูดหรือเจตนาของผู้พูดให้ออก ว่าเขาพูดไปเพื่ออะไร หากถ้อยคำเหล่านั้น เต็มไปด้วยความหวังดีที่อยากให้คุณพัฒนา จงน้อมรับและขอบคุณเขาเหล่านั้นด้วยใจจริง เพราะคงไม่มีใครอยากพูดในสิ่งที่เสี่ยงให้คนอื่นไม่ชอบตัวเอง (แปลว่าคุณสำคัญกับเขานั่นเอง)
การที่คุณพยายาม Push หรือผลักดันตัวเองให้ทำอะไรเกินข้อจำกัดนั้น จริงอยู่ว่าระหว่างทางมันอาจทุลักทุเล ลำบากอย่างไร้ขอบเขต แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่คุณตกตะกอนได้จริง ๆ คือเราทำเรื่องนี้ได้ I Can Do It บางเรื่องคุณไปได้มากกว่าสิ่งที่คุณคาดหวังด้วยซ้ำ
การใช้ชีวิตเรื่อย ๆ สโลว์ไลฟ์ เป็นสิ่งที่สบายใจ เป็นคอมฟอร์ตก็จริง แล้วนั่นก็ไม่ใช่สิ่งผิดด้วย แต่บางจังหวะชีวิตอันแสนเรียบง่ายนั้น การปล่อยให้ตัวเองออกนอกกรอบ เจอสีสันอะไรใหม่ ๆ ท้าทายใจดูบ้าง คุณอาจจะได้พบตัวคุณเองในอีกหนึ่งเวอร์ชั่นที่น่าเซอร์ไพร์สเหมือนกัน
5 แนวคิดที่ JobsDB แนะนำไป ลองเริ่มต้นสักหนึ่งหรือสองทฤษฎีดูก่อนได้ เข้าใจดีว่าการเริ่มต้นคือสิ่งที่ยาก ค่อย ๆ ก้าวออกจาก Comfort Zone ให้ตัวเองเจอโอกาสดี ๆ อีกมากมายที่รอคุณอยู่ ใน JobsDB แพลตฟอร์มหางานอันดับหนึ่งในไทย หาคนตรงงาน หางานตรงใจ
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99/
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/4%e0%b9%84%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%87/