Key Takeaway
วิศวะโยธา เรียนจบไปแล้วได้สร้างแค่ตึกจริงไหม? มาทำความรู้จักวิศวะโยธา ต้องเรียนอะไรบ้าง มีกี่สาขาย่อย แล้วจบมาทำงานอาชีพอะไรได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบ!
วิศวกรรมโยธา (Civil Engineering) คือ หนึ่งในสาขาวิชาของวิศวกรรมศาสตร์ที่มีการศึกษามาอย่างยาวนาน ซึ่งเนื้อหาการเรียนครอบคลุมตั้งแต่ทักษะการออกแบบและการก่อสร้าง การทำรังวัดสำรวจพื้นที่ การวิเคราะห์ทางธรณีและชลศาสตร์ (พื้นดินและน้ำ) การออกแบบและบริหารจัดการวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง รวมถึงการบำรุงรักษาสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งปลูกสร้างโดยรวม เช่น ตึก อาคารสูง สะพาน ถนน ระบบขนส่ง และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นต้น
จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนในสาขาวิศวะโยธาคือการปรับปรุงและพัฒนาสภาพแวดล้อมเดิมให้ดีขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมและรองรับการความเจริญเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม
โดยสาขาวิศวะโยธาในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 8 สาขาย่อย ซึ่งในแต่ละสาขาย่อยจะมีพื้นฐานการเรียนและจุดประสงค์ที่ต่างกัน ดังนี้
สาขาวิศวกรรมโครงสร้างเป็นสาขาย่อยของวิศวะโยธา โดยสาขานี้จะเรียนเกี่ยวกับการวางแผน การออกแบบ และการคำนวณโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างและแรงต้านทานของวัสดุ เพื่อเลือกประเภทและขนาดของวัสดุให้เหมาะสมกับการก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างหรือสิ่งก่อสร้าง เช่น ตึก อาคาร เขื่อน หรือสะพาน มีความมั่นคงและแข็งแรงตามที่กำหนดำไว้ในแบบแปลน
วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในสาขาของวิศวะโยธาที่ผสมผสานความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์เข้าด้วยกัน โดยในสาขานี้จะเรียนเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งในน้ำและในอากาศ ครอบคลุมตั้งแต่การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดจากการก่อสร้าง เช่น การควบคุมฝุ่นละอองและเศษฝุ่น การจัดการกับสารเคมีที่เจือปนอยู่ในแหล่งน้ำ รวมถึงการบำบัดและกำจัดของเสีย ตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แน่ใจว่างานก่อสร้างทั้งหมดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง สอดคล้องกับหลักการความยั่งยืน และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
วิศวะโยธาสาขาก่อสร้างและการจัดการคือสาขาที่เน้นการศึกษาเกี่ยวกับระบบการก่อสร้างและการจัดการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนทำงาน การเตรียมระบบการสร้างอาคาร ประเมินราคาค่าก่อสร้าง ไปจนถึงการคำนวณและประเมินระยะเวลาการทำงาน เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้และเชี่ยวชาญในการอ่านแบบแปลนหรือใบพิมพ์เขียว ที่มีระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล และระบบอื่นๆ ภายในอาคาร เพื่อให้สามารถคุมการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้ายให้แล้วเสร็จได้ตรงตามแบบแปลนที่วางไว้ทุกด้าน
วิศวกรรมทรัพยากรน้ำ หรือ วิศวกรรมชลศาสตร์ เป็นสาขาย่อยของภาควิชาวิศวะโยธาที่เน้นเรื่องการศึกษาเกี่ยวกับการจัดการและการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ มีการเรียนตั้งแต่เรื่องการศึกษาแหล่งน้ำธรรมชาติ ปริมาณน้ำฝน การควบคุมคุณภาพน้ำ ไปจนถึงการออกแบบระบบการระบายน้ำ
โดยนำเอาความรู้ด้านกลศาสตร์และการคำนวณมาใช้ในการคำนวณการเคลื่อนที่ต่างๆ ของน้ำ เพื่อใช้ในการออกแบบและวางแผนในโครงการต่างๆ เช่น การสร้างสะพาน การสร้างเขื่อน การระบบท่อระบายน้ำ และการสร้างคลองส่งน้ำชลประทาน
สำหรับวิศวะโยธาสาขาวิศวกรรมขนส่ง หรือ วิศวกรรมการขนส่ง คือ การนำหลักการทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการวางแผน ออกแบบ และดำเนินการก่อสร้างของระบบการเดินทางและการขนส่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนน อุโมงค์ สะพาน และระบบขนส่งรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ระบบการเดินทางปลอดภัย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวัสดุและเทคนิคในการสร้างและปรับปรุงพื้นถนน เช่น พื้นคอนกรีต พื้นยางมะตอย และวัสดุอื่นๆ รวมถึงต้องเรียนรู้ด้านการจัดการงานจราจรอีกด้วย
ดินถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการก่อสร้าง จึงทำให้วิศวกรรมธรณีเทคนิคเป็นสาขาที่มีความสำคัญต่อวิศวกรโยธา โดยวิศวะโยธาสาขาวิศวกรรมธรณีเทคนิคคือการศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติทางฟิสิกส์และวิศวกรรมของดิน โดยนำหลักปฐพีกลศาสตร์และกลศาสตร์ของหินมาใช้ในการสำรวจประเมินความแข็งแรงของดินและวัตถุใต้ดิน พร้อมทั้งออกแบบโครงสร้างฐานรากทั้งบนพื้นผิวดินและใต้ดิน เช่น การทำเหมืองแร่ การผลิตปิโตรเลียม และวิศวกรรมโยธาอื่นๆ
วิชาวิศวกรรมธรณีกับวิศวกรรมเทคนิคธรณีมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงและมีความใกล้เคียงกันพอสมควร แต่วิศวะโยธาสาขาธรณีวิทยา คือ การศึกษาด้านธรณีวิทยาเป็นหลัก โดยใช้ความรู้พื้นฐานด้านธรณีวิทยา ธรณีวิทยาประยุกต์ คุณสมบัติทางฟิสิกส์และวิศวกรรมของหิน รวมถึงกลศาสตร์ของหินหรือกลศาสตร์ธรณีมาประยุกต์ใช้ในงานวิศวกรรม เช่น การเลือกวัสดุทางธรณีสำหรับการก่อสร้าง การวิเคราะห์และออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมโยธาและการทำเหมืองแร่ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความมั่นคงและรากฐานแข็งแรง ช่วยป้องกันความเสียหายจากภัยธรรมชาติและเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
ในส่วนของวิศวกรรมโยธาสาขาสุดท้ายอย่าง วิศวกรรมสำรวจ คือ สาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับการสำรวจและการรังวัดค่าพิกัดต่างๆ ในการกำหนดตำแหน่งที่ดิน การรังวัดเพื่อการก่อสร้าง หรือการรังวัดเพื่อการชลประทาน รวมถึงเรียนรู้เทคนิคและเครื่องมือในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้จีพีเอส (GPS) ภูมิสารสนเทศ (GIS) และดาวเทียมต่างๆ เพื่อทำแผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงการจำลองแผ่นที่อื่นๆ ที่มีความถูกต้อง ชัดเจน และเข้าใจง่าย
สรุปแล้ว วิศวะโยธาเรียนทั้งหมดกี่ปี? 4 ปี หรือ 5 ปี? แล้วแต่ละปีต้องเรียนอะไรบ้าง? เรียนเหมือนกันหมดทุกสาขาหรือไม่? คำตอบ คือ วิศวกรรมโยธาจะเรียนทั้งหมด 4 ปี โดยปีแรกนั้น นักศึกษาจะได้เรียนวิชาพื้นฐานเหมือนกันทุกสาขา ปีต่อไปถึงจะเริ่มเรียนเนื้อหาเฉพาะเจาะจงกันมากขึ้นตามสาขาที่เลือก
โดยในปี 2567 ได้มีการจัดอันดับมหาวิทยาลัย ที่มีความโดดเด่นด้านวิศวะโยธา ไว้ดังนี้
เมื่อเรียนจบแล้ว บทบาทอาชีพของวิศวะโยธาจะสามารถทำงานอะไรได้บ้าง ซึ่งบทบาทและอาชีพวิศวะโยธาสามารถต่อยอดงานได้หลากหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ การวางแผนการก่อสร้าง และการควบคุมงาน รวมถึงการประสานงานกับผู้ทำงานด้านอื่นๆ เช่น
ภาพรวมของการศึกษาในวิศวกรรมโยธาคือ ครอบคลุมการออกแบบ วางแผน คำนวณพื้นที่ และควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อให้โครงการดำเนินไปตามแผน และการบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้างและสิ่งแวดล้อม การเรียนแบ่งออกเป็น 8 สาขาย่อย ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปี โดยแต่ละปีจะมีวิชาพื้นฐานและวิชาเฉพาะต่างกัน สายอาชีพวิศวะโยธามีความต้องการในตลาดอยู่เสมอ สามารถทำงานในบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือประกอบอาชีพอิสระได้หลากหลาย
หากคุณกำลังมอง หางานวิศวะโยธาที่ตรงกับความต้องการและความถนัดของคุณ สามารถฝากโปรไฟล์ใน JobsDB ได้เลย พร้อมบอกคุณสมบัติที่ตรงกับตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อให้ผู้ประกอบการมองเห็นโปรไฟล์ของคุณได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญยังมีเครื่องมือค้นหางานที่สะดวกและรวดเร็ว ทำให้คุณเจองานที่ตรงใจได้อย่างง่ายดาย