หนี้บัตรเครดิตคืออะไร? ใช้บัตรอย่างไรไม่ให้เป็นหนี้ ฉบับมนุษย์เงินเดือน

หนี้บัตรเครดิตคืออะไร? ใช้บัตรอย่างไรไม่ให้เป็นหนี้ ฉบับมนุษย์เงินเดือน
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 20 May, 2025
Share

Key Takeaway

  • หนี้บัตรเครดิตคือยอดเงินที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า บริการ หรือกดเงินสด แล้วผู้ถือบัตรยังไม่ได้ชำระคืนเต็มจำนวนตามกำหนด ทำให้เกิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตามมา
  • หากค้างชำระหนี้บัตรเครดิตติดต่อกันประมาณ 3–6 เดือน โดยไม่เจรจาหรือชำระคืน ธนาคารอาจดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายได้
  • วิธีแก้หนี้บัตรเครดิต เช่น หยุดใช้บัตร จ่ายเต็มจำนวนสม่ำเสมอ ขอประนอมหนี้กับธนาคาร หรือรวมหนี้เพื่อให้ดอกเบี้ยต่ำลงและจัดการได้ง่ายขึ้น

หลายคนอาจมองว่าบัตรเครดิตคือผู้ช่วยที่ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะใช้จ่าย ช็อปปิง หรือผ่อนของชิ้นใหญ่ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่หากใช้อย่างไม่ระวัง บัตรเครดิตก็สามารถกลายเป็นกับดักทางการเงินที่ทำให้คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาศาล และกลายเป็นหนี้สะสมโดยไม่รู้ตัว

บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ “หนี้บัตรเครดิต” เข้าใจสาเหตุ วิธีจัดการ รวมถึงแนวทางป้องกันอย่างชาญฉลาด เพื่อให้คุณใช้บัตรได้อย่างมั่นใจ และไม่ต้องเผชิญปัญหาการเงินในอนาคต

หนี้บัตรเครดิตคืออะไร ต่างจากหนี้อื่นอย่างไร?

หนี้บัตรเครดิตคืออะไร ต่างจากหนี้อื่นอย่างไร?

หนี้บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า บริการ หรือการกดเงินสด หากผู้ถือบัตรชำระคืนเพียงบางส่วน ไม่ชำระคืน หรือชำระล่าช้า ก็อาจทำให้ติดหนี้บัตรเครดิตได้ โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และแจ้งรายละเอียดในใบแจ้งหนี้งวดถัดไป

เป็นหนี้บัตรเครดิตค้างนานเท่าไรถึงโดนฟ้อง

เป็นหนี้บัตรเครดิตค้างนานเท่าไรถึงโดนฟ้อง 

ยอดหนี้บัตรเครดิตที่อาจนำไปสู่การฟ้องล้มละลายไม่จำเป็นต้องเป็นจำนวนที่สูงมาก บางกรณีอาจเริ่มต้นเพียงไม่กี่หมื่นบาท ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงิน ดังนั้น การถูกฟ้องร้องจากการเป็นหนี้บัตรเครดิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดหนี้ที่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ค้างชำระ และการติดต่อเจรจา 

หากปล่อยให้ค้างชำระต่อเนื่องนาน 3–6 เดือน โดยไม่มีการชำระหรือเจรจา ธนาคารอาจดำเนินการทางกฎหมาย และหนี้ที่ค้างชำระเหล่านี้ยังส่งผลให้ติดเครดิตบูโร ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการขอสินเชื่อหรือใช้บริการทางการเงินในอนาคตอีกด้วย

หนี้บัตรเครดิตมีอายุความกี่ปีตามกฎหมาย

หนี้บัตรเครดิตมีอายุความกี่ปีตามกฎหมาย

หนี้บัตรเครดิตมีอายุความกี่ปี? หนี้บัตรเครดิตมีอายุความ 2 ปี ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ผู้ถือบัตรผิดนัดชำระหนี้ หลังจากที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินได้แจ้งกำหนดชำระเงินให้ทราบอย่างชัดเจน หากผู้ถือบัตรไม่ชำระเงินตามกำหนด จะถือว่าเป็นการผิดนัด และนับเป็นจุดเริ่มต้นของระยะเวลาในการฟ้องร้องตามกฎหมาย

แผนแก้หนี้บัตรเครดิต สำหรับคนมีรายได้ประจำ

แผนแก้หนี้บัตรเครดิต สำหรับคนมีรายได้ประจำ

สำหรับมนุษย์เงินเดือน การเป็นหนี้บัตรเครดิตอาจสร้างความกดดันทั้งทางการเงินและจิตใจ หากไม่มีแผนจัดการ ดอกเบี้ยก็จะยิ่งพอกพูนจนหนี้บานปลายแต่อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะยังมีทางออก! เราจะมาแนะนำแผนแก้หนี้บัตรเครดิตสำหรับผู้มีรายได้ประจำ ช่วยให้คุณค่อยๆ ปลดหนี้และกลับมาควบคุมการเงินได้อีกครั้ง

หยุดใช้บัตรเครดิตก่อน

เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าปัญหาหนี้สินเกิดจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต วิธีแก้ไขที่ได้ผลที่สุดคือการยอมรับสภาพและหยุดใช้บัตรเครดิตทันที จากนั้นควรหันมาใช้จ่ายด้วยเงินสดแทน พร้อมกับวางแผนจัดการหนี้บัตรเครดิตให้หมดโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ปัญหาขยายใหญ่และทำให้การเงินเสียสมดุลมากขึ้น

ติดต่อประนอมหนี้กับธนาคาร

เมื่อติดหนี้บัตรเครดิตแล้ว ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการหนีหนี้ เพราะจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง และหากปล่อยไว้หนี้บัตรเครดิตจะยิ่งพอกพูนจนไม่สามารถหาทางแก้หนี้บัตรเครดิตได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากคุณวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านและต้องการขอสินเชื่อซื้อบ้าน เมื่อสถาบันการเงินตรวจสอบเครดิตบูโรแล้วพบว่าคุณติดหนี้บัตรเครดิตยิ่งมีโอกาสผ่านการพิจารณาน้อยลง 

ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาติดหนี้บัตรเครดิตที่ถูกต้องคือการเจรจาประนอมหนี้ เช่น การขอลดดอกเบี้ย ลดเงินต้น หรือขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระ ซึ่งจะช่วยรักษาเครดิตทางการเงินให้ดีขึ้นและทำให้คุณสามารถขอสินเชื่อในอนาคตได้สำเร็จ

รีบทยอยจ่ายหนี้

บัตรเครดิตมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 20% ต่อปี และหากไม่จ่ายภายในกำหนด ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากวันที่รูดบัตรทันทีเป็นรายวัน การชำระขั้นต่ำ 10% จะทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ย 2 ขั้นคือ จากยอดรายการทั้งหมดและจากเงินคงเหลือหลังชำระ ขั้นตอนที่ดีที่สุดคือการเร่งชำระหนี้บัตรเครดิตให้มากกว่าขั้นต่ำ เช่น จาก 10% เป็น 20% เพื่อลดทั้งต้นและดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด

รวมหนี้บัตรเครดิตทุกใบ

อีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพเมื่อรู้สึกสภาพคล่องขาดมือและจ่ายค่างวดขั้นต่ำมาหลายเดือน คือการรวมหนี้บัตรเครดิตหลายใบเข้าด้วยกัน เพื่อให้การบริหารจัดการหนี้ง่ายขึ้น และอาจได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจากบริการโอนยอดหนี้ของธนาคาร ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถจัดการหนี้ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น

ปรับพฤติกรรมการใช้เงิน

การควบคุมการใช้จ่ายเริ่มจากการหยุดซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น หยุดซื้อเสื้อผ้า หยุดช้อปปิ้งโดยไม่มีเหตุผล และหยุดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จากนั้นให้นำเงินที่เหลือไปใช้ในการชำระหนี้บัตรเครดิต โดยพยายามจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเคลียร์หนี้ให้เร็วที่สุด อีกทั้งควรจัดทำตารางออมเงินเพื่อวางแผนการออมและการใช้จ่ายในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

ข้อควรระวังเมื่อพยายามปลดหนี้บัตรเครดิต

ข้อควรระวังเมื่อพยายามปลดหนี้บัตรเครดิต

การแก้หนี้บัตรเครดิตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สามารถทำได้หากมีการวางแผนที่ดี มีหลายสิ่งที่ควรระวังเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจทำให้การแก้หนี้ล่าช้าหรือแย่ลง โดยสิ่งที่ควรระวัง เพื่อให้ปลดหนี้บัตรเครดิตให้สำเร็จ ได้แก่

  • จ่ายหนี้หลายยอดพร้อมกัน อาจทำให้คุณไม่สามารถจ่ายหนี้ได้เต็มจำนวนและเกิดการเสียโอกาสในการลดดอกเบี้ย ทำให้หนี้บัตรเครดิตยังคงพอกพูนและใช้เวลานานขึ้นในการเคลียร์หนี้
  • ไม่จัดลำดับความสำคัญในการจ่ายหนี้ อาจทำให้คุณจ่ายหนี้ที่ไม่เร่งด่วนก่อน ขณะที่หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงยังค้างอยู่ ทำให้เสียเงินเพิ่มและใช้เวลานานขึ้นในการปลดหนี้
  • ไม่ยอมออมเงิน การไม่ออมเงินทำให้ไม่มีเงินสำรองในกรณีฉุกเฉิน จนต้องพึ่งพาบัตรเครดิตเพิ่ม การมีกองทุนสํารองเลี้ยงชีพช่วยให้มีเงินสำรองและลดความเสี่ยงจากหนี้ได้
  • ไม่เช็กเครดิตของตัวเอง ทำให้ไม่รู้สถานะทางการเงิน และอาจพลาดโอกาสในการปรับปรุงเครดิตหรือรับข้อเสนอสินเชื่อที่ดีกว่า
  • จ่ายหนี้หมดแต่ไม่ปิดบัตรเครดิต อาจทำให้เผลอกลับไปใช้บัตรอีกและสร้างหนี้ใหม่โดยไม่รู้ตัว เสี่ยงวนกลับเข้าสู่วงจรหนี้อีกครั้ง

สรุป

หนี้บัตรเครดิตเกิดจากการใช้จ่ายผ่านบัตรแล้วชำระคืนไม่ครบ ไม่ตรงเวลา หรือชำระเพียงขั้นต่ำ ทำให้เกิดดอกเบี้ยสะสมจำนวนมาก หากปล่อยไว้นานอาจถูกฟ้องร้องทางกฎหมายและติดเครดิตบูโร ส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต การแก้หนี้บัตรเครดิตควรเริ่มจากหยุดใช้บัตร วางแผนจัดการหนี้ จ่ายมากกว่าขั้นต่ำ หรือพิจารณารวมหนี้เพื่อลดดอกเบี้ย ควรควบคุมการใช้จ่าย ออมเงินสม่ำเสมอ และติดตามเครดิตของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้หลุดพ้นจากวงจรหนี้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญหากกำลังมองหางานหรือโอกาสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ สามารถเข้าไปค้นหางานและสมัครงานที่ตรงใจได้ที่ Jobsdb เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

More from this category: คำแนะนำด้านเงินเดือน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา