ในยุคที่ข้อมูลไหลบ่ามาจากทุกทิศทุกทาง เกือบทุกอย่างสามารถเก็บเป็นข้อมูลได้แทบทั้งทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของตัวเลข ข้อความ หรือพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการนำไปวิเคราะห์หรือต่อยอดได้ ทั้งด้านการตลาด การวางแผนธุรกิจ หรือวางแผนผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและองค์กร แต่ด้วยข้อมูลที่มีอยู่มหาศาล ศาตร์แห่งการนำเสนอข้อมูลจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คนทำงานต้องมี บทความนี้เราจะมาดูกันว่า Data Visualization คืออะไร และมีหลักการอย่างไร
Data Visualization คือการเอาข้อมูลหรือ Data ที่มีความซับซ้อนมานำเสนอให้เข้าใจง่ายขึ้นผ่านแผนภูมิรูปภาพ แผนที่ กราฟ ตาราง วิดีโอ อินโฟกราฟิก (Infographic) แดชบอร์ด (Dashboard) ฯลฯ ทั้งนี้จะต้องมีการเลือกรูปแบบของสื่อให้เหมาะสมข้อมูลที่ต้องการนำเสนอ
การรับรู้โดยปกติของมนุษย์มักจำเป็นภาพและเสียง ดังนั้น การทำ Data Visualization ถือเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมาย หรือคนที่อ่านข้อมูลนั้นๆ เข้าใจจุดประสงค์ของข้อมูลที่ต้องการนำเสนอได้มากขึ้น การเอาข้อมูลดิบมาเรียงในหน้ากระดาษทีละบรรทัด น้อยคนที่จะเข้าใจ การนำเสนอข้อมูลด้วย Visual ต่างๆ ให้เห็นภาพ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกว่า ซึ่งประโยชน์ของการทำ Data Visualization มีดังนี้
การทำ Data Visualization คล้ายกับ การทำ Presentation ที่ต้องอาศัยศาสตร์แห่งศิลป์เข้ามาช่วยในการนำเสนอข้อมูลให้ดูน่าสนใจ ดังนั้น องค์ประกอบต่างๆ ของการทำ Data Visualization จึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนการเตรียมข้อมูลในการนำเสนอ เพิ่มเติมคือรายละเอียดและความซับซ้อนของข้อมูลที่มากกว่า โดยองค์ประกอบของ Data Visualization มีดังนี้
เข้าใจการทำ Data Visualization และทราบถึงองค์ประกอบหลักกันไปแล้ว ทีนี้มาดูเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการให้ข้อมูล จะมีอะไรบ้างนั้น JobsDB รวบรวมมาให้แล้วด้านล่างนี้
เครื่องมือพื้นฐานในการทำ Data Visualization จาก Google ใช้งานง่าย มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เชื่อมต่อถังข้อมูลที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วทั้ง Google Analytics, Google Search, Google Ads, YouTube ฯลฯ ตอบโจทย์การทำ การตลาดออนไลน์ ได้ดี ที่สำคัญยังใช้งานฟรี เพียงแค่ใช้บัญชีอีเมลของ Gmail เท่านั้น
มาที่เครื่องมือการทำ Data Visualization ของฝั่ง Microsoft กันบ้าง เช่นเดียวกัน จุดแข็งของ Power BI เป็นเรื่องของ Ecosystem ที่สามารถเชื่อมต่อโปรแกรมอื่นๆ ของไมโครซอฟต์เข้าไว้ด้วยกันได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Excel, Word หรือ Powerpoint เรียกได้ว่าดึงข้อมูล แปลงไฟล์ข้ามกันได้หมด ทั้งยังมีแดชบอร์ดและเทมเพลตการนำเสนอให้เลือกหลากหลาย พร้อมฟังก์ชันมากมายทั้งการเลือก มีทั้งแบบให้ใช้งานฟรีไปจนถึงแพ็กเกจที่ต้องเสียเงินในระดับองค์กร (แบบฟรีจะแชร์ข้อมูลให้ผู้ใช้งานคนอื่นไม่ได้ สามารถใช้ในการนำเสนองานได้อย่างเดียว)
เครื่องมือทำ Data Visualization สุดโปรดของใครหลายคน โดดเด่นด้วยเทมเพลตและแดชบอร์ดจำนวนมาก มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบทางการ มินิมอล หรูหรา มีให้เลือกสรรตามความชอบใจ ทั้งยังใช้งานง่าย จัดการ Data ได้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงแบบดาต้าที่มีความซับซ้อน ครอบคลุมทั้ง MacOS และ Windows นอกจากนี้ยังแสดงผลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ได้ด้วย - ราคาอยู่ที่ 70 USD/เดือน (หรือ 840 USD/ปี)
ซอฟต์แวร์การทำ Data ที่เน้นเรื่องการตลาดแบบ Growth Hacking เป็นหัวใจหลัก ด้วยการเอาข้อมูลที่มีไปแยกย่อย แล้ววิเคราะห์ออกมาอีกที มักจะใช้กับข้อมูลเพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าและหาลูกค้าใหม่ เรียกว่าเป็นผู้ช่วยธุรกิจแบบครบวงจร (All-in-One) มุ่งเน้นการเติบโตของบริษัท ทั้งยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักพัฒนาและนักการตลาด ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว - ราคาเริ่มต้นที่ 17.39 USD/เดือน (ราคาดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้)
ปิดท้ายด้วยตัวเครื่องมือที่เน้นเรื่อง CRM หรือการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าเป็นหลัก เน้นตอบโจทย์เรื่องการตลาดล้วน ๆ ใช้ดู Customer Insight และ Business Insight เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังดูเรื่อง Business Performance ด้านอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น Conversational Analytics, Collaborative Analytics, Sales ฯลฯ ส่วนค่าใช้จ่ายแบบเริ่มต้นที่ 24 USD/เดือน
จริงๆ แล้วเรื่อง Data Visualization เป็นทักษะพื้นฐานได้ในหลายๆ สายงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องฟังเสียงลูกค้า นำข้อมูลเก็บได้จากวิธีการต่างๆ มาแยกย่อยและวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ สามารถนำทักษะการทำ Data Visualization ไปใช้ได้กับทั้งสายการตลาด พนักงานขาย ครีเอทีฟ นักพัฒนาธุรกิจ (BD) นักวิเคราะห์ข้อมูล เรียกได้ว่าแทบทุกสายงานล้วนแต่มีข้อมูลเป็นพื้นฐาน ส่วนอาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น Data Engineer, Data Scientist, Software Engineer /Back-End Developer
ในยุคที่ Data เป็นขุบทรัพย์ชิ้นใหม่ของธุรกิจ ยิ่งทำให้หลายๆ องค์กรให้ความสำคัญกับตำแหน่งงานที่มีการใช้ข้อมูลในการทำงานเป็นหลัก คนทำงานเองจึงต้องเพิ่มทักษะด้านนี้ให้มากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการทำ Data Visualization อย่างที่เราแนะนำกันไปในบทความนี้ ทั้งนี้อย่าลืมพัฒนาตนเองและอัปเดตข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ เพื่อให้พร้อมรับกับโอกาสดีๆ ที่เข้ามาได้เสมอ แล้วเดินสู่ประตูแห่งโอกาสด้วยการหางานใหม่ได้ที่ JobsDB แพลตฟอร์มหางานชั้นนำในไทย