กระแสของการดูแลสิ่งแวดล้อมเริ่มถูกพูดถึงกันมาอย่างยาวนาน และกระจายออกไปเป็นประเด็นในหลายๆ ภาคส่วน ไม่เฉพาะภาครัฐแต่เอกชนหรือบริษัทต่างๆ เองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่น้อย ทำให้เกิดเทรนด์งานที่เรียกว่า Green Job ขึ้นมา ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักและเจาะลึกถึงสายงานนี้กันให้มากขึ้น
หากแปลเป็นภาษาไทยแบบตรงตัว Green Job ก็หมายถึงงานสีเขียว ซึ่งก็คืองานต่างๆ ที่ให้ความสำคัญและตระหนักถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ส่วนโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้ให้ความหมายของ Green Job ไว้ว่าเป็นงานในด้านเกษตรกรรม การผลิต การวิจัย การพัฒนา การบริหารจัดการ รวมไปถึงการให้บริการ ที่มีการคำนึงในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
อีกทั้งยังรวมถึงงานในธุรกิจที่มีการผลิตสินค้าหรือให้บริการ ตลอดจนขั้นตอนของการปฏิบัติงานภายใต้กระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผสานกับการช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นทรัพยากรใหม่ และยังต้องเป็นการช่วยลดพลังงานด้วย
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของเทรนด์ Green Job ก็คืองานประเภทนี้จะมีส่วนช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยรักษาระบบนิเวศให้คงอยู่ต่อไป มุ่งเน้นให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่เกิดการทำร้ายซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อมีการดูแลสิ่งแวดล้อมได้ดี ย่อมส่งผลต่อดิน น้ำ อากาศ และธรรมชาติให้คงสภาพที่ดีตามไปด้วย
นอกจากเรื่องของสิ่งแวดล้อมแล้ว Green Job ยังช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะเทรนด์ Green Job ก่อให้เกิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้าหรือผู้บริโภค ที่แตกต่างไปจากระบบนิเวศแบบเดิม ๆ
Green Job ไม่เพียงแต่มีตำแหน่งงานเฉพาะทางที่อยู่ในสายงานของตัวเองเท่านั้น แต่ยังหมายถึงหลักการทำงานบางส่วนที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสายงานอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น หลักการด้านพลังงาน หลักการด้านขนส่ง หลักการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หลักการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หลักการเกษตรแบบออแกนิค หลักการบริหารการกำจัดของเสียจากธุรกิจ ฯลฯ
สำหรับตำแหน่งงานโดยตรงของ Green Job ก็มีให้เลือกหลายตำแหน่งเลยทีเดียว และยังเป็นตำแหน่งที่สามารถทำงานได้ทั้งในองค์กรเอกชนและองค์กรที่ไม่ใช่เอกชนได้มากมาย โดยเราขอยกตัวอย่างตำแหน่งที่น่าสนใจ ดังนี้
ทักษะความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ถือเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพราะการจะเปลี่ยนแปลงหรือรักษาสิ่งแวดล้อม ต้องอาศัยบุคคลที่ทักษะด้านนี้ เช่น นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นักชีววิทยา นักอุทกวิทยา หรือนักชีวเคมี ฯลฯ โดยกลุ่มอาชีพเหล่านี้จะเน้นทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและเกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก
เรื่องของการเกษตรก็มักมาคู่กับเรื่องของสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน เพื่อการสร้างผลผลิตทางธรรมชาติที่มีคุณภาพและยั่งยืน จึงต้องอาศัยบุคคลที่มีทักษะและองค์ความรู้มาช่วยในการปรับปรุงดูแลในภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องการบริการทรัพยากร และการเลือกใช้วัสดุเพาะปลูกที่ไม่ทำลายธรรมชาติ
ความรู้ด้านนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องช่วยออกแบบหรือดูแลรักษาพลังงานสะอาด เช่น แผงโซล่าเซลล์ กังหันลม ยานพาหนะที่ปราศจากมลพิษ อีกทั้งยังต้องมีการช่วยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ด้วย
ทักษะด้านนี้สามารถนำมาใช้ได้กับผู้ที่มีหน้าที่ในการออกแบบหรือสร้างอาคารต่างๆ อย่าง สถาปนิก นักออกแบบ มัณฑนากร โดยการตอบโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้การก่อสร้างก่อมลพิษน้อยที่สุด รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์ใหม่ๆ เรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงานด้าน Green Job จะต้องอาศัยบุคคลที่เข้าใจทั้งเรื่องของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ผสานกับความรอบรู้ในสถานการณ์ปัจจุบันทางสังคม กฎหมาย และประวัติศาสตร์ โดยจัดทำแผนพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มนุษย์เรียนรู้อยู่กับสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นธรรม
ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ สามารถนำมาประยุกต์ได้กับทุกตำแหน่งในสายงาน Green Job เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องมีกระบวนการทางความคิดที่ดี ที่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น โดยต้องสามารถออกแบบแผนพัฒนา ตลอดไปจนการดำเนินการ พร้อมทั้งมีการติดตามผลจากสิ่งที่ได้ทำไป หากมีอุปสรรคก็ต้องพร้อมที่ค้นหาทางออกและปรับปรุงให้แผนพัฒนาสิ่งแวดล้อมออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
แม้งานด้าน Green Job จะสามารถประยุกต์เข้าได้กับหลายๆ องค์กร แต่บางธุรกิจที่ไม่มีตำแหน่งด้านนี้รองรับ ก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ในการรักษาสิ่งแวดล้อมได้เช่นกันด้วยแนวคิด Green at Work ซึ่งมีผลวิจัยออกมาแล้วว่า การมีพื้นที่สีเขียวในออฟฟิศ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้นไม้ช่วยให้มนุษย์รู้สึกถึงความผ่อนคลายได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดจากงาน สามารถสร้างสัมพันธ์ต่อเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงบรรยากาศโดยรวมในออฟฟิศก็จะดูปลอดโปร่งยิ่งขึ้น ซึ่งประโยชน์ของต้นไม้ยังช่วยสร้างอากาศที่ดีภายในบริษัท ดักสารพิษ และช่วยกันมลพิษทางเสียงได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้พนักงานมีสุขภาพที่ดีขึ้น หันมาใส่ในตัวเองและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ข้อดีของ Green at Work ยังรวมถึงเรื่องการประหยัดพลังงาน ที่ทุกองค์กรสามารถช่วยกันร่วมมือได้ แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่ถ้าหลายบริษัทร่วมมือกัน ก็จะช่วยให้สิ่งแวดล้อมของเราดีขึ้นได้ แถมยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กรนั้นๆ อีกด้วย
เรื่องของ Green Job ถือเป็นเทรนด์งานรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจอย่างแท้จริง เพราะเป็นเทรนด์ที่ใส่ใจสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมนุษย์เรามากที่สุด หากเราได้คนที่มีความสามารถเฉพาะในแต่ละด้านของ Green Job มาช่วยดูแล สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเราก็จะดีตามไปด้วย แล้วมนุษย์ก็จะสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ส่วนใครที่กำลังสนใจ สายงาน Green Job อยู่ ลองเข้ามาค้นหางานที่ชอบ บริษัทที่ใช่ ที่ JobsDB กันได้เลย มีงานจากบริษัทชั้นนำมากมายให้ได้เลือก