ส่องสวัสดิการ “งานโรงแรม”สิ่งสำคัญต้องดูก่อนเลือกงาน

ส่องสวัสดิการ “งานโรงแรม”สิ่งสำคัญต้องดูก่อนเลือกงาน

ขึ้นชื่อว่า “งานโรงแรม” เชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายงานบริการที่หลาย ๆ คนเฝ้าฝัน ด้วยความที่เป็นงานที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยความท้าทายรายวัน จำต้องอาศัย Service mind มาก เพราะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ต้องรองรับความต้องการของลูกค้าทุกคนด้วยรอยยิ้ม ถือว่าเป็นสายงานที่ใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ อดทนต่อความกดดันสูง 

นอกจากเงินเดือนที่ต้องได้รับตามกฎหมายแล้ว สวัสดิการในสายงานโรงแรม จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เข้ามาซัพพอร์ตหัวใจคนทำงาน ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตและความพึงพอใจในการทำงานที่มากขึ้น มาดูกันว่าแต่ละโรงแรมให้สวัสดิการอะไรที่ฟังแล้ว “น่าอิจฉา” บ้างนะ 

5 สวัสดิการ “งานโรงแรม” ที่ฟังแล้วชวนว้าว

ด้วยความที่เป็นงานสายบริการ สวัสดิการต่าง ๆ จึงดูล้ำกว่างานหนุ่มสาวออฟฟิศอยู่ประมาณหนึ่ง แน่นอนว่า ในส่วนของสวัสดิการพื้นฐานจำพวกประกันสังคม วันลาพักร้อน ลาคลอดบุตรต่าง ๆ ประกันสุขภาพ ฯลฯ ทุกโรงแรมคงมีให้อยู่แล้วตามกฎหมาย ซึ่งกลุ่มสวัสดิการที่ JobsDB นำมาแนะนำวันนี้ จึงเป็นสิทธิพิเศษของคนทำงานโรงแรมโดยเฉพาะ โดยอาจจะพบในกลุ่มโรงแรมใหญ่ในเครือหรู 4-5 ดาวเป็นหลัก (แต่ละแห่งมีการบริหารจัดการแตกต่างกัน)

1. งานโรงแรม : อาหารฟรี ห้องพักฟรี 

ข้อได้เปรียบของกลุ่มธุรกิจงานโรงแรม คือการให้สวัสดิการพนักงานในเรื่องของอาหารและห้องพักฟรีไปเลย ซึ่งอาหารบางแห่งก็ให้แค่ 2 มื้อ บางที่จัดเต็มครบเลย 3 มื้อ แตกต่างกันไปตามการจัดการ ซึ่งข้อนี้ดีตรงที่ประหยัดค่าใช้จ่ายให้พนักงานได้เยอะ แถมอาหารที่ได้ก็เป็นอาหารคุณภาพ สะอาดรสชาติดี ตามมาตรฐานอาหารโรงแรมอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่พักฟรี บางโรงแรมอาจจะให้เฉพาะในตำแหน่งงานระดับ Manager ขึ้นไป โดยอาจจำกัดจำนวนวันหรือเช่ารายเดือนในราคาหลักพัน ส่วนพนักงานระดับอื่นอาจจะให้เป็นส่วนลดหรือราคาเช่าต่อเดือนที่ Exclusive สุด ๆ รวมถึงให้ส่วนลดกับคนในครอบครัวพนักงาน แบบว่าพักได้ทุกโรงแรมในเครือทั่วโลกเลย นอกจากนี้บางแห่งยังมีบริการรถรับส่งจากโรงแรมเข้าตัวเมือง เรียกว่าจัดเต็มทุกเซอร์วิสเหมือนแขกของโรงแรมท่านหนึ่ง 

2. งานโรงแรม : การันตีรายได้ด้วย Service Charge

ในฐานะแขกที่เคยพัก ทุกครั้งที่เราจ่ายค่าห้อง เงินที่จ่ายไปส่วนนั้นรวมค่า Service Charge อยู่ด้วย โดยค่า Service Charge ดังกล่าวนี้คือเงินที่พนักงานได้จากการดูแลแขกที่เข้ามาใช้บริการในโรงแรม จะได้มากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนแขกในที่ใช้บริการในเดือนนั้น ๆ หรือเรตขั้นต่ำของแต่ละโรงแรมจะให้ แต่ละแห่งไม่เท่ากัน

Service Charge งานโรงแรมคนละส่วนกับ Tips ที่ได้ส่วนตัว รวมถึงคนละส่วนกับเงินเดือนพื้นฐานที่ทางโรงแรมจ่ายให้ คล้าย ๆ ค่าคอมมิชชันแบบของเซลล์นั่นเอง อย่างเดือนธันวาคมปีล่าสุด (2566) โรงแรมเจ้าใหญ่ในภูเก็ตอย่างเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต จ่ายค่า Service Charge ให้พนักงานเฉลี่ยคนละ 95,733.22 บาท แบบไม่รวมเงินเดือน ไม่รวมโบนัส ส่วนใหญ่แล้วค่า Service Charge ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท มักอยู่ราว 20,000-40,000 บาท/เดือน

3. งานโรงแรม : ฟรียูนิฟอร์ม ไม่ต้องคิดมากเรื่องแต่งตัว

หลายคนอาจจะมองว่าเป็นจุดเล็ก ๆ แต่สำหรับการทำงาน 5-6 วัน/สัปดาห์ โดยที่คนทำงานต้องเตรียมเสื้อผ้า ซักผ้าและจบที่การรีดเสื้อเตรียมไปออฟฟิศ นานวันเข้ามันเป็นอะไรที่กินแรงและเหนื่อยอยู่เหมือนกัน บางคนเลยรู้สึกว่าการทำงานที่มียูนิฟอร์มให้เลยนั้นสะดวกดี ไม่ต้องเสียเงินค่าเสื้อผ้า ไม่ต้องเสียเวลาจัดการ 

ไหน ๆ งานโรงแรมก็เป็นงานสายบริการอยู่แล้ว หลายแห่งเลยตัดจบด้วยการมีบริการซัก อบ รีดเสื้อผ้าให้พนักงานเลยด้วยซ้ำ จะเลือกมากเปลี่ยนที่โรงแรมหรือใส่มาจากบ้านเลยก็แล้วแต่ความสะดวก นอกจากโรงแรมจะได้ในเรื่องของความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์แล้ว ในทางเดียวกันก็เป็นการอำนวยความสะดวกสบาย ให้พนักงานแฮปปี้ในการทำงานมากขึ้นอีกด้วย

4. งานโรงแรม : โบนัสประจำปี

เป็นธรรมเนียมปกติช่วงต้นปี ซึ่งมักจะมีการทำโพลหรือสำรวจเรื่องโบนัสของแต่ละธุรกิจ ว่างานสายไหนได้โบนัสไปเท่าไร ยิ่งกลุ่มธุรกิจไหนจ่ายมาก ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจนั้นทำกำไรและกำลังเติบโตอย่างสวยงาม แน่นอนว่าหลังการระบาดของโควิด 19 กลุ่มสายงานโรงแรมค่อย ๆ ฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาเดินทางกันเป็นปกติ และค่า Service Charge ที่พุ่งสูงตามตัวเลขด้านบน

ถึงแม้ว่าสวัสดิการเรื่องค่าตอบแทนของคนทำงานสายโรงแรมหลัก ๆ เป็นค่า Service Charge ที่ได้เป็นรายเดือน แต่พอถึงช่วงสิ้นปีโรงแรมบางแห่ง ก็ยังมีโบนัสแจกจ่ายพนักงานเพื่อให้เป็นกำลังใจสำหรับการทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่อยู่ราว 1-3 เดือน (อิงจากตัวเลขปี 2566) โดยให้แยกจากเงินเดือนและ Service Charge ถือว่ารวม ๆ แล้วก็เป็นตัวเลขที่น่าชื่นใจเหมือนกัน 

5. งานโรงแรม : มีความยืดหยุ่นสูง หยุดไม่ตรงคนอื่น

อย่างที่ทราบกันดีว่าในสายงานบริการ ช่วงเทศกาลวันหยุดที่คนส่วนใหญ่ได้หยุดกัน คือช่วงที่คนทำงานด้านนี้ทำงานหนักมากกว่าใคร อย่าได้หวังว่าช่วงนี้คุณจะได้หยุดได้ ดังนั้นวันหยุดของคนทำงานสายโรงแรม มักจะไปหยุดเอาช่วงหลังหรือก่อนหน้าเทศกาล ซึ่งข้อนี้บางคนอาจจะชอบที่ไม่ต้องไปแย่งกันกินแย่งกันใช้กับคนอื่น หรือบางคนอาจจะมองว่าอยากหยุดวันเดียวกันคนอื่น เพราะจะได้ไปไหนมาไหนใช้เวลากับที่บ้านมากขึ้น

จริง ๆ แล้วการหยุดไม่ตรงกับคนอื่นหรือเลือกวันได้ บางครั้งอาจจะเป็นข้อดีมากกว่าข้อเสีย นอกจากจะไม่ต้องเที่ยวในกับคนเยอะ ไปไหนมาไหนต้องเจอกับรถติดแล้ว เรายังบริหารเวลาได้ดี ได้ค่าเครื่องบิน ค่าที่พักถูก เพราะผ่านวันหยุดยาวไปแล้ว ไปไหนก็ไม่ต้องรอคิว แต่อาจจะแลกกับการเดินทางไปไหนคนเดียวหน่อย เพราะคนอื่นไม่หยุดพร้อมเรา (จำนวนวันทำงานของสายโรงแรม 5-6 วัน/ สัปดาห์)

สวัสดิการไม่ใช่คำตอบทุกอย่างของงานโรงแรม

จริงอยู่ที่สวัสดิการของงานโรงแรมแต่ละแห่ง ย่อมจัดสรรมาเพื่อให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่การตัดสินใจเลือกทำงานในโรงแรมไหน ไม่ควรจำกัดเพียงสวัสดิการเท่านั้น ควรมองทุกอย่างรอบด้านทั้งเงินเดือนพื้นฐาน การเติบโตในสายงานรวมถึงระบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการและคุณค่าของคุณในการทำงานในอนาคต เพราะทุกอย่างที่ว่ามานั้นเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เรามีความสุขในการทำงาน 

ค่อย ๆ ดูว่างานโรงแรมไหนตอบโจทย์ ตรงกับความต้องการของเรา ให้ Service Charge เรตการันตีเท่าไร เงินเดือนพื้นฐานพอไหวไหม อย่าลืมว่านี่คือตัวเลขที่แน่นอนที่สุด ถ้าที่ทำงานอยู่ดีแล้วก็ให้อยู่ต่อ ถ้าไม่ดีอย่าพยายามจนเกินไป ความพยายามเดียวที่ควรทำคือมองหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตัวเองได้ที่ JobsDB รวมตำแหน่งงานสายบริการให้คุณแบบจัดเต็มจากโรงแรมชั้นนำทั่วประเทศ