Key Takeaway
ก่อนไปสมัครงานที่ไหน สิ่งสำคัญคือต้องทำเรซูเม่ให้ดูน่าสนใจและครบถ้วน มาทำความรู้จักกับเรซูเม่ (Resume) ว่าคืออะไร พร้อมเรียนรู้วิธีการเขียนเรซูเม่สมัครงานที่จะช่วยให้เตะตาและได้รับความสนใจจาก HR เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้งานแน่นอน!
เรซูเม่ (Resume) คือ เอกสารที่นำเสนอข้อมูลส่วนตัว ประสบการณ์การทำงาน และทักษะความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน รวมถึงยังแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาตัวเองในการทำงานและผลงานที่เคยทำตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยรูปแบบการทำเรซูเม่นั้นหลากหลาย สามารถแตกต่างกันไปตามสไตล์และความชื่นชอบของคนทำ
เรซูเม่เป็นเอกสารสำคัญที่นิยมใช้ในการสมัครงาน โดยใช้แนะนำตัวผู้สมัครงานผ่านประวัติส่วนตัว ประสบการณ์ทำงาน และทักษะต่างๆ เพื่อช่วยให้บริษัทหรือองค์กรพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเรซูเม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสมัครงานเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ประกอบการสมัครในด้านอื่นๆ เช่น การสมัครเข้าศึกษาต่อ การขอรับทุนการศึกษา หรือการสมัครเข้าร่วมโครงการต่างๆ ได้เช่นกัน
ดังนั้นผู้สมัครควรตรวจสอบว่าองค์กรที่ต้องการสมัครมีการพิจารณาผ่านเรซูเม่หรือไม่ หากมีควรอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการพิจารณาให้ไปสัมภาษณ์
เอกสารที่รวบรวมข้อมูลสำคัญทั้งหมดไว้ในหน้าเดียวอย่างเรซูเม่ จำเป็นต้องเลือกเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการสมัครงาน การทำเรซูเม่ที่ดีต้องเข้าใจความต้องการของผู้อ่าน มากกว่าการใส่ข้อมูลทุกอย่างตามที่ต้องการนำเสนอ
นอกจากนี้ควรใช้ข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย เพื่อไม่ให้เนื้อหาในเรซูเม่ดูแน่นเกินไป โดยมีข้อมูลสำคัญที่ควรระบุในเรซูเม่ดังต่อไปนี้
ส่วนแนะนำตัว ควรระบุข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญอย่างครบถ้วน ประกอบด้วย ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น อายุ รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน สำหรับช่องทางการติดต่อ ควรใส่ที่อยู่ปัจจุบัน หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลที่สะดวกในการติดต่อสื่อสารกับบริษัท ส่วนการใส่รูปถ่ายนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยเฉพาะในตำแหน่งงานที่ไม่ได้เน้นเรื่องบุคลิกภาพ จะเลือกใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ตามแต่ความต้องการของแต่ละคน
ประวัติการศึกษาเป็นส่วนสำคัญของเรซูเม่ที่ควรระบุรายละเอียดอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาไปจนถึงระดับอุดมศึกษา เช่น ระดับปริญญาตรี โท หรือเอก โดยควรระบุข้อมูลให้ละเอียด ทั้งเกรดเฉลี่ย วิชาเอก และสถาบันการศึกษา หากมีการอบรมหรือเรียนคอร์สเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร ก็ควรระบุไว้ด้วยเช่นกัน รวมถึงประสบการณ์การทำงานในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยดึงดูดความสนใจจาก HR ได้เป็นอย่างดี
ในส่วนประสบการณ์การทำงานในเรซูเม่ ควรระบุตำแหน่งงาน ชื่อบริษัท ระยะเวลาที่ทำงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบหลักในแต่ละตำแหน่ง โดยเรียงลำดับจากงานปัจจุบันย้อนกลับไปยังงานที่ผ่านมา หากมีประสบการณ์การทำงานมากมาย ควรเลือกเฉพาะประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องหรือเป็นประโยชน์ต่อการสมัครตำแหน่งนั้น นอกจากนี้ควรเน้นผลงานเด่นหรือความสำเร็จสำคัญในแต่ละตำแหน่ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถและพัฒนาการในการทำงานที่ชัดเจน
ทักษะและความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับเรซูเม่ โดยควรระบุทั้งทักษะด้านเทคนิค (Hard Skills) และทักษะด้านการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Soft Skills) อย่างกระชับและชัดเจน แทนที่จะใช้กราฟหรือระดับคะแนนที่ประเมินตัวเอง ควรแนบผลการสอบวัดระดับมาตรฐานหรือประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรอง เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับทักษะที่ระบุไว้ในเรซูเม่
ส่วนของผลงานและความสำเร็จในเรซูเม่ ควรนำเสนอประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาอย่างละเอียด โดยเน้นอธิบายกระบวนการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้ ควรระบุเหตุผลในการเลือกทำงานนั้น อุปสรรคที่พบ และวิธีการแก้ไขปัญหาจนนำไปสู่ความสำเร็จ นอกจากนี้ยังสามารถนำเสนอโครงการที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในแง่ธุรกิจ แต่เป็นผลงานที่ภาคภูมิใจและแสดงให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่มีคุณค่า เพราะวิธีการทำงานนั้นมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าผลลัพธ์ที่ได้
จุดมุ่งหมายในอาชีพ (Career Objective) เป็นส่วนสำคัญในเรซูเม่ที่ช่วยให้ HR เข้าใจศักยภาพและเป้าหมายของผู้สมัครได้อย่างรวดเร็ว การเขียนจุดมุ่งหมายที่มีประสิทธิภาพควรใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับความต้องการขององค์กร พร้อมเน้นการนำเสนอคุณค่าและประโยชน์ที่ผู้สมัครสามารถมอบให้แก่องค์กร มากกว่าการระบุสิ่งที่ต้องการจากองค์กร การเขียนในลักษณะนี้จะช่วยดึงดูดความสนใจของฝ่าย HR ให้อ่านรายละเอียดในเรซูเม่ต่อไป และแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในมุมมองขององค์กรอย่างชัดเจนด้วย
Summary หรือส่วนสรุป เป็นการเขียน About Me ใน Resume ซึ่งเป็นส่วนแนะนำตัวโดยย่อที่วางอยู่ส่วนบนของเรซูเม่ เปรียบเสมือนคำโปรยที่ดึงดูดให้ผู้อ่านสนใจเนื้อหาภายใน โดยสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตัวผู้สมัครอย่างกระชับ ทั้งจุดเด่น ประสบการณ์การทำงาน เป้าหมายในการทำงาน หรือลักษณะประสบการณ์ที่กำลังแสวงหา แม้ว่า Summary จะไม่ใช่ส่วนบังคับ แต่การมีส่วนนี้จะช่วยให้ HR เข้าใจตัวตนของผู้สมัครได้รวดเร็วตั้งแต่แรก ก่อนที่จะอ่านรายละเอียดอื่นๆ ในเรซูเม่
บุคคลอ้างอิง (References) เป็นส่วนที่ระบุรายชื่อบุคคลที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครแก่องค์กร โดยบุคคลอ้างอิงไม่ควรเป็นญาติพี่น้อง แต่ควรเป็นผู้ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน ความสามารถ และประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาได้ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือในการพิจารณาขององค์กร ซึ่งเป็นการยืนยันคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้สมัครจากบุคคลภายนอก
การเลือกข้อมูลที่จะใส่ในเรซูเม่ ควรเน้นให้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครเป็นหลัก แทนที่จะใส่ข้อมูลจำนวนมากแต่ไม่เกี่ยวข้อง ควรคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับลักษณะงานที่ต้องการสมัคร ซึ่งข้อมูลที่ไม่ควรใส่ลงไปในเรซูเม่ มีดังนี้
เรซูเม่ควรเน้นนำเสนอข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับงานเท่านั้น โดยหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น งานอดิเรกที่ไม่เกี่ยวกับงาน ความสนใจส่วนตัว หรือลักษณะนิสัยที่ไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน การใส่ข้อมูลที่ไม่จำเป็นเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของเรซูเม่ได้
ข้อมูลที่นำเสนอต้องเป็นความจริงและถูกต้องเท่านั้น แม้การใส่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงอาจทำให้เรซูเม่ดูน่าสนใจและเพิ่มโอกาสให้ได้รับพิจารณาสัมภาษณ์งาน แต่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า การตรวจสอบข้อมูลสามารถทำได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้ว หากพบว่าข้อมูลในเรซูเม่ไม่เป็นความจริง นอกจากจะสูญเสียความน่าเชื่อถือแล้ว ยังอาจส่งผลให้ถูกเลิกจ้างได้ แม้จะผ่านการคัดเลือกเข้าทำงานแล้วก็ตาม
เรซูเม่เป็นเอกสารทางการที่ควรรักษาความสุภาพและความเหมาะสมในการนำเสนอข้อมูล แม้ว่าบางลักษณะนิสัยหรือข้อมูลส่วนตัวจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของผู้สมัคร แต่ควรหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่สุภาพหรือไม่เหมาะสม การใช้ภาษาทางการในเรซูเม่ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ แต่ยังสะท้อนถึงความเคารพต่อองค์กรที่กำลังสมัครงาน และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้สมัครอีกด้วย
การเลือกข้อมูลที่จะใส่ในเรซูเม่ควรเน้นที่ความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครเป็นหลัก การนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงานจะช่วยให้ฝ่าย HR เห็นความเหมาะสมของผู้สมัครได้ชัดเจน นอกจากจะเพิ่มความน่าเชื่อถือแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความเข้าใจในตำแหน่งงานนั้นๆ แทนที่จะใส่ข้อมูลจำนวนมากแต่ไม่เกี่ยวข้อง ควรคัดเลือกเฉพาะข้อมูลที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับงานที่สมัครจะดีกว่า
การทำ Resume ยังมีข้อควรระวังอื่นๆ อีกดังนี้
การนำเสนอทักษะความสามารถในเรซูเม่ควรเน้นความชัดเจนและความเป็นทางการ เพราะแม้การทำเรซูเม่แถบวัดพลัง จะดูทันสมัยและโดดเด่น แต่ HR ต้องการข้อมูลที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา การระบุระดับความสามารถควรใช้คำอธิบายที่เข้าใจง่าย เช่น เชี่ยวชาญ หรือพอใช้ แทนการประเมินด้วยสเกลที่อาจมีมาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละคน
การใช้อีเมลในการสมัครงานเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพของผู้สมัคร ควรหลีกเลี่ยงการใช้อีเมลที่ไม่เป็นทางการ
เช่น อีเมลที่ใช้ชื่อเล่น ภาษาวัยรุ่น ฉายา ตัวอักษรที่พิมพ์ไม่เป็นระเบียบ หรือคำหยาบ เพราะอีเมลลักษณะนี้เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนตัว เช่น การสมัครใช้งานเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือการติดต่อกับเพื่อน แต่ไม่เหมาะสมสำหรับการสมัครงาน สำหรับการสมัครงาน ควรใช้อีเมลที่ประกอบด้วยชื่อจริงและนามสกุลจริง ซึ่งจะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ความจริงจัง และความน่าเชื่อถือของผู้สมัคร
เรซูเม่เป็นภาพลักษณ์แรกที่แสดงความเป็นมืออาชีพของผู้สมัครต่อบริษัท การเลือกรูปถ่ายประกอบเรซูเม่จึงมีความสำคัญ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้รูปที่ไม่เป็นทางการ เช่น ภาพเซลฟี่ ภาพที่แต่งกายไม่สุภาพ หรือรูปโปรไฟล์จากโซเชียลมีเดีย แต่ควรเลือกใช้รูปถ่ายที่เป็นทางการ แต่งกายสุภาพ หน้าตรง ซึ่งในปัจจุบันมีบริการถ่ายรูปและตัดต่อภาพให้ดูเป็นทางการโดยไม่จำเป็นต้องเช่าชุดสูท การใช้ภาพที่ไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้ใบสมัครถูกปฏิเสธทันที เพราะแสดงถึงความไม่ใส่ใจในภาพลักษณ์และขาดความเป็นมืออาชีพ
ต่อมาเป็นเทคนิคการทำเรซูเม่ให้ดูน่าสนใจ เพิ่มโอกาสให้โดนเรียกสัมภาษณ์มากขึ้น ดังนี้
เรซูเม่ที่มีประสิทธิภาพควรประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญหลายส่วน เริ่มจากข้อมูลส่วนตัว ที่ควรระบุชื่อ-นามสกุล (โดยต้องสะกดให้ถูกต้องทุกตัวอักษร) อายุ และช่องทางการติดต่อ เช่น เบอร์โทรศัพท์และอีเมล โดยจัดวางข้อมูลการติดต่อไว้ทางด้านขวาของเรซูเม่เพื่อให้เห็นได้ชัดเจน
ในส่วนของประวัติการศึกษา ควรนำเสนอโดยเรียงลำดับจากวุฒิการศึกษาสูงสุดลงมา โดยการระบุเกรดเฉลี่ยเป็นตัวเลือกที่สามารถพิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับประวัติการทำงาน ควรนำเสนอโดยเริ่มจากตำแหน่งงานปัจจุบันหรือล่าสุด พร้อมระบุชื่อองค์กรและอธิบายความรับผิดชอบในงานอย่างกระชับ จากนั้นเรียงลำดับประสบการณ์การทำงานก่อนหน้าตามลำดับเวลา
การเขียนประโยคเริ่มต้นในเรซูเม่ ควรเป็นการสรุปภาพรวมที่แสดงตัวตนของผู้สมัครอย่างกระชับในความยาวไม่เกิน 6 บรรทัด โดยครอบคลุมการแนะนำตัว ทักษะและคุณสมบัติโดยสังเขป รวมถึงอุดมคติในการทำงาน นอกจากนี้ควรอธิบายเหตุผลที่เลือกสมัครในตำแหน่งนั้นๆ การเขียนส่วนนี้ให้น่าสนใจจะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและสร้างความประทับใจแรกที่ดี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะทำให้ HR อ่านรายละเอียดส่วนอื่นๆ ต่อไป
เรซูเม่ควรระบุระดับความสามารถ ทักษะ และคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร โดยเน้นทักษะที่โดดเด่นและตรงกับความต้องการของงาน เช่น ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะเฉพาะทาง ความสามารถในการพิมพ์ดีด หรือทักษะด้านภาษา
นอกจากนี้ ควรระบุทักษะด้านการทำงานร่วมกับผู้อื่น (Soft Skills) เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม หรือการปรับตัวในสถานการณ์ต่างๆ และผลการสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาที่ได้รับการรับรอง เช่น TOEIC, TOEFL, HSK หรือ TOPIK ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้เรซูเม่มีความโดดเด่นมากขึ้น ทั้งนี้ควรนำเสนอเฉพาะทักษะที่สามารถพิสูจน์ได้และเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในตำแหน่งที่สมัครด้วย
อ่านเพิ่มเติม : รวม 9 ตัวอย่างเรซูเม่สมัครงาน เลือกแบบไหนให้ดูมืออาชีพ ได้งานชัวร์!
รูปภาพในเรซูเม่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนความเป็นมืออาชีพของผู้สมัคร โดยควรเลือกใช้รูปถ่ายที่แต่งกายสุภาพและถ่ายแบบหน้าตรง เพื่อแสดงถึงความเป็นทางการ ไม่ควรใช้รูปถ่ายเซลฟี่ เนื่องจากอาจทำให้ขาดความน่าเชื่อถือและลดความน่าสนใจในสายตาของ HR ซึ่งรูปถ่ายที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความประทับใจแรกที่ดีและเพิ่มโอกาสในการถูกพิจารณาให้เข้าสัมภาษณ์
ข้อมูลในเรซูเม่ควรมีความกระชับและอ่านง่าย เพื่อให้ HR สามารถจับใจความสำคัญได้ทันที ควรหลีกเลี่ยงการใช้ประโยคยาวหรือคำฟุ่มเฟือย แต่ให้เน้นการสื่อสารที่ตรงประเด็น ใช้คำที่เข้าใจง่าย พร้อมจัดรูปแบบให้เป็นระเบียบ เช่น แบ่งหัวข้อชัดเจน เว้นระยะย่อหน้าให้เหมาะสม และใช้ตัวอักษรที่อ่านง่าย การจัดเรียงข้อมูลในลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการทำเรซูเม่ควรเลือกใช้แบบอักษรที่เป็นทางการและอ่านง่าย โดยนิยมใช้ฟอนต์มาตรฐานอย่าง
สำหรับเรซูเม่ภาษาไทย หรือ Resume ภาษาอังกฤษ ขนาดตัวอักษรควรอยู่ระหว่าง 14-16 สำหรับเนื้อหาหลัก และอาจใช้ขนาดใหญ่กว่าสำหรับหัวข้อ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟอนต์ที่อ่านยากหรือมีลวดลายมากเกินไป เพราะจะทำให้ดูไม่เป็นมืออาชีพและอ่านยาก
การเลือกใส่ข้อมูลในเรซูเม่ควรเน้นเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครเท่านั้น ควรพิจารณาคุณสมบัติและความต้องการของตำแหน่งงานนั้นๆ ก่อน แล้วนำเสนอประสบการณ์ ทักษะ และความสามารถที่สอดคล้องกัน เช่น หากสมัครตำแหน่งนักการตลาด ควรเน้นประสบการณ์ด้านการตลาด ความสามารถในการวิเคราะห์ตลาด และผลงานด้านการตลาดที่ผ่านมา ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องใส่ เพราะจะทำให้เรซูเม่ดูรกและไม่ตรงประเด็น
การตรวจสอบความถูกต้องของเรซูเม่หลายๆ รอบมีความสำคัญมาก เพราะข้อผิดพลาดเล็กน้อยอาจส่งผลต่อโอกาสในการได้งาน ควรตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ อย่างละเอียด เช่น การสะกดชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล วันที่ ชื่อบริษัท และข้อมูลการศึกษา ให้ถูกต้องครบถ้วน
นอกจากนี้ควรตรวจสอบไวยากรณ์ การเว้นวรรค และการจัดรูปแบบให้เป็นระเบียบสม่ำเสมอ แนะนำให้ส่งให้คนอื่นช่วยอ่านทบทวนด้วย เพราะบางครั้งเราอาจมองข้ามข้อผิดพลาดที่ตัวเองเขียน การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและแสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้สมัคร
สำหรับเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน อาจจะไม่รู้ว่าต้องทำเรซูเม่อย่างไรให้น่าสนใจ และสร้างโอกาสให้โดนเรียกสัมภาษณ์งานได้ ไปดูวิธีทำเรซูเม่สมัครงานฉบับคนไม่มีประสบการณ์กัน
สำหรับเด็กจบใหม่การเพิ่ม Summary มีความสำคัญมากๆ เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยดึงดูดความสนใจของ HR ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทสรุปนี้ควรมีความยาวประมาณ 3-4 บรรทัด โดยสรุปจุดเด่น ประสบการณ์สำคัญ และคุณสมบัติที่โดดเด่นของผู้สมัคร นำเสนอในรูปแบบที่กระชับ ตรงประเด็น และน่าสนใจ ควรเน้นการแสดงความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และพัฒนา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าพร้อมปรับตัวและมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน
การทำเรซูเม่สำหรับผู้ไม่มีประสบการณ์ทำงานสามารถสร้างความโดดเด่นได้ โดยนำเสนอประวัติการศึกษาอย่างละเอียด ไม่เพียงแค่ระบุระดับการศึกษา สาขา และสถาบัน แต่ควรเพิ่มข้อมูลที่แสดงศักยภาพ เช่น ผลการเรียน การอบรมพิเศษ หรือประกาศนียบัตรต่างๆ ที่เคยได้รับ
นอกจากนี้ควรระบุ Hard Skills และ Soft Skills ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร การนำเสนอข้อมูลในลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้จ้างงานเห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการทำงาน แม้จะยังไม่มีประสบการณ์ก็ตาม
เนื่องจากเด็กจบใหม่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานมากนัก การใส่ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่เคยทำ หรือรางวัล ที่เคยได้รับในเรซูเม่สามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและแสดงถึงความสามารถของผู้สมัครได้
อย่างไรก็ตามหากมีผลงานหรือการรับรองจำนวนมาก ควรคัดเลือกเฉพาะรายการที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร เพื่อให้เรซูเม่มีความกระชับและตรงประเด็น การเลือกนำเสนอเฉพาะผลงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้พิจารณาเห็นถึงความเหมาะสมของผู้สมัครกับตำแหน่งงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับเด็กจบใหม่ ประสบการณ์จากการฝึกงานและการทำงานพาร์ตไทม์ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรใส่ในเรซูเม่ โดยเฉพาะการฝึกงานที่ตรงกับสาขาที่เรียนและตำแหน่งงานที่สมัคร ซึ่งจะเป็นจุดแข็งที่แสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับลักษณะงานในสายอาชีพนั้น
สำหรับประสบการณ์จากงานพาร์ตไทม์ แม้อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตำแหน่งที่สมัคร แต่การระบุไว้ในเรซูเม่จะช่วยแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการพัฒนาตัวเอง ความสามารถในการบริหารจัดการเวลา และประสบการณ์การทำงานจริง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่องค์กรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ
การเขียนเรซูเม่ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็กจบใหม่ ต้องสามารถนำเสนอตัวตนและความสามารถให้ครบถ้วน เพื่อดึงดูดความสนใจของ HR สิ่งสำคัญคือการปรับแต่งข้อมูลให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร
ยกตัวอย่างเช่น หากสมัครตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ ควรเน้นการนำเสนอประสบการณ์ ผลงาน และความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโปรแกรม อย่างรางวัลจากการแข่งขันเขียนโปรแกรม การเข้าร่วมค่ายพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือผลงานการเขียนโปรแกรมที่เคยทำ การเลือกนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงานจะช่วยให้ HR เห็นศักยภาพและความเหมาะสมของผู้สมัครได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สำหรับตัวอย่างเรซูเม่เพื่อใช้สมัครงานทั่วไปควรใช้โทนสีเรียบง่าย เป็นทางการ หลีกเลี่ยงสีฉูดฉาด ถ้าใช้เส้นคั่น ควรเป็นเส้นบางๆ สีเรียบ เน้นรักษาความเรียบง่าย สะอาดตา ดังตัวอย่างต่อไปนี้
สำหรับตัวอย่างเรซูเม่เพื่อใช้สมัครงานสายครีเอทีฟควรใช้การออกแบบที่สร้างสรรค์ เพื่อแสดงทักษะการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ ใช้สีและองค์ประกอบที่น่าสนใจแต่ยังคงความเป็นมืออาชีพ จัดวางองค์ประกอบแปลกใหม่แต่อ่านง่าย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
การใส่รูปถ่ายในเรซูเม่ควรขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่สมัคร สำหรับงานที่ทำในออฟฟิศหรืองานที่เน้นทักษะเฉพาะทาง การใส่รูปถ่ายอาจไม่จำเป็น แต่สำหรับตำแหน่งที่ต้องพบปะผู้คน เช่น งานขายหรืองานบริการ การใส่รูปถ่ายอาจมีความจำเป็นเพื่อให้ผู้จ้างงานพิจารณาบุคลิกภาพควบคู่ไปกับความสามารถ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องมีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น แต่เป็นการแสดงถึงความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับการเป็นตัวแทนขององค์กร
ทักษะสำคัญที่จำเป็นในการทำงาน และควรนำมาใส่ไว้ใน Resume มีดังนี้
CV (Curriculum Vitae) และ Resume มีความแตกต่างที่ชัดเจนในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านวัตถุประสงค์และรูปแบบการใช้งาน โดย
CV เหมาะสำหรับการสมัครงานในสายวิชาการ มีความยาวมากกว่า 2 หน้า เพื่อแสดงรายละเอียดความสามารถและศักยภาพอย่างครบถ้วน
Resume ใช้สำหรับการสมัครงานทั่วไปหรืองานในภาคเอกชน มีความกระชับ ไม่เกิน 1-2 หน้า เน้นนำเสนอข้อมูลที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดความสนใจขององค์กร แม้ทั้งสองรูปแบบจะมีจุดประสงค์เดียวกันคือแสดงความสามารถของผู้สมัคร แต่มีความแตกต่างในด้านเนื้อหาและวิธีการนำเสนอ ซึ่งในประเทศไทย Resume จะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากกว่าในการใช้สมัครงาน
เรซูเม่ (Resume) และพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) มีจุดที่เหมือนกันในการนำเสนอข้อมูลส่วนตัวและประวัติของผู้สมัคร เพื่อให้ HR เข้าใจตัวตนและประสบการณ์ของผู้สมัคร แต่มีความต่างในรูปแบบการนำเสนอเนื้อหา
เรซูเม่ (Resume) จะเน้นการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบข้อความที่กระชับและตรงประเด็น โดยมีการออกแบบที่เรียบง่ายและเป็นทางการ พร้อมความยาวจำกัด
พอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) จะเน้นการนำเสนอผลงานผ่านรูปภาพ มีการออกแบบที่สวยงามสร้างสรรค์ และไม่จำกัดจำนวนหน้าเหมือนเรซูเม่ พอร์ตโฟลิโอจึงสามารถแสดงรายละเอียดและตัวอย่างผลงานได้มากกว่า
ในปัจจุบันมีเว็บไซต์หรือแอปทำเรซูเม่หลากหลายให้ได้เลือก ทั้งยังมีเทมเพลตมากมายหลายสไตล์ให้ได้เลือกใช้ตามความต้องการอีกด้วย ถ้าใครพร้อมที่จะทำ Resume แล้ว มาดูกันดีกว่าว่าจะทำในไหนได้บ้าง
เรซูเม่คือเอกสารที่รวบรวมข้อมูลสำคัญของผู้สมัครงาน ประกอบด้วยประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน ผลงานที่สำเร็จ จุดมุ่งหมายในอาชีพ บทสรุป บุคคลอ้างอิง และทักษะความสามารถที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน โดยนำเสนอพัฒนาการและผลงานที่ผ่านมาในรูปแบบที่ต่างกันไปตามสไตล์ของผู้จัดทำ
สำหรับการทำเรซูเม่ที่มีประสิทธิภาพ ควรหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่ไม่สุภาพ และข้อมูลที่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งงาน รวมถึงไม่ควรใช้แผนภูมิแท่งแสดงระดับทักษะ อีเมลที่ไม่เป็นทางการ หรือรูปภาพที่ไม่เหมาะสม
ทำเรซูเม่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมมาหางานที่ jobsdb เว็บไซต์ช่วยหางานที่มีประสิทธิภาพที่จะช่วยให้คุณได้ค้นหางานตามทำเลที่ต้องการ ตำแหน่งที่อยากทำ พร้อมให้คุณได้เปรียบเทียบเรตเงินเดือนอีกด้วย