เพราะเรซูเม (Resume) คือประตูแห่งโอกาสอันสำคัญ ที่จะสร้างความประทับใจแรกให้ HR จะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้ก็อยู่ที่ด่านนี้เป็นผู้เลือก ยิ่งจากผลการศึกษาของ Ladders บริษัทหางานออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ พบว่าฝ่ายบุคลากรใช้เวลาเพียง 6-7 วินาทีเท่านั้นในการอ่านเรซูเม เรียกว่าภายในเวลาไม่กี่วินาที แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ ความละเอียดรอบคอบ ความเป็นระเบียบ ประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา รวมไปถึงความเป็นผู้นำผ่านเรซูเม
ดังนั้น เรซูเมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก การที่คุณใส่อะไรลงไปในนั้นควรใส่เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง อย่าใส่อะไรที่ไม่เกิดประโยชน์เพียงเพื่อให้เรซูเมดูมีอะไร เพราะอย่าลืมว่า Resume ในสายตา HR สะท้อนถึงบุคลิกลักษณะของผู้สมัครงานได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าคุณกำลังมองหางานตำแหน่งไหน จะเป็นเด็กจบใหม่ คนมีประสบการณ์หรือคนย้ายสายงาน ที่กำลังตั้งใจจะทำเรซูเมเพื่อสมัครงานที่ตรงใจ แล้วยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร วันนี้ JobsDB รวมเอา 5 วิธีเพิ่มความน่าสนใจให้เรซูเมมาไว้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับเรซูเมของคุณได้เลย
เริ่มต้นด้วยสิ่งที่ดูเหมือนจะเบสิกที่สุด แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนจับต้นชนปลายตรงนี้ไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะใส่อะไรบ้างหรือใส่ในรูปแบบไหนถึงจะสะดุดตา ดังนั้น ก่อนลงมือเขียนเรซูเมอย่างจริงจัง จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าโครงสร้างทั้งหมดเป็นอย่างไร เนื้อหาในแต่ละส่วนทำหน้าที่อะไรบ้าง
แนะนำตัวเอง บอกช่องทางการติดต่อ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล (ไม่ใช้อีเมลที่ไม่ Professional) หากมีโปรไฟล์ LinkedIn ให้ใส่ไปด้วย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในกรณีสมัครงานองค์กรใหญ่หรือต่างชาติ ควรเขียนให้กระชับ เรียบง่าย และตอบคำถามว่า "ทำไมเขาต้องจ้างคุณ" (ส่วนเรื่องรูปภาพไม่มีผิดถูก จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
ประสบการณ์และการศึกษา บอกเล่าประสบการณ์การทำงาน ควรเขียนให้ละเอียด แนะนำว่าให้เขียนในลักษณะ How มากกว่า Inform เช่น ถ้าสมัครงานในตำแหน่ง Manager ก็อาจจะลงดีเทลว่าช่วยจัดการทีมในแง่ไหนบ้าง ดูแลส่วนไหน พาทีมแก้ปัญหาในโปรเจกต์ต่าง ๆ ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ HR เห็นภาพได้มากขึ้น โดยอาจจะเน้นไปที่เป้าหมายการทำงานที่เด่น ๆ อย่างไรก็ตามอย่าลืมบอกถึงประวัติการศึกษาที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย
ทักษะต่าง ๆ ระบุทักษะที่คุณมีทักษะ Hard skill และ Soft skill โดยใส่เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่คุณสมัคร อะไรที่เป็นงานอดิเรกหรือความชอบส่วนตัวอาจจะไม่ต้องใส่ แนะนำว่าให้เขียนอธิบายทักษะจะเข้าใจง่ายกว่า อย่างเช่น Microsoft excel เชี่ยวชาญในขั้นไหน ถึงขั้นทำ Pivot table เลยไหม หรือการออกแบบ ทำอะไรได้บ้าง Canva ออกแบบแบนเนอร์ ตัดคลิปสั้นหรือทำโมชันกราฟิกได้ ไม่ควรใส่เป็นหลอดพลังหรือชาร์จ เพราะ HR จะประเมินไม่ถูกว่าความเชี่ยวชาญเราอยู่ในระดับไหน
ผลงานและโปรเจกต์ อีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนมองข้ามคือผลงานที่ผ่านมา จะเลือกจากที่ประสบความสำเร็จวัดได้ชัดเจน หรือจะเลือกจากความภาคภูมิใจก็ได้หมด เพื่อตอกย้ำอีกครั้งว่า "ทำไมเขาต้องจ้างคุณ"
จะรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทต้องการอะไร ทั้งหมดนั้นหาคำตอบได้จากประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งนั้น รวมถึงเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียขององค์กรที่คุณอยากเข้าเป็นส่วนหนึ่ง ลองดูว่าวัฒนธรรมบริษัทนั้นเป็นแบบไหน แล้วค่อยเลือกจุดนั้นของเรามาเป็นจุดขาย Bold ให้เด่นในเรซูเม พร้อมทั้งดูว่าใน Job Discription ทาง HR กำลังมองหาคนทำงานแบบไหน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าองค์กรนั้นเน้นทำกิจกรรมเพื่อสังคม คุณอาจจะเพิ่มประสบการณ์การทำงานเป็นอาสาสมัครแบบนี้ไปเพื่อเพิ่มน้ำหนักความน่าสนใจได้ ง่าย ๆ คือลิงก์สิ่งที่เรามีกับองค์กรนั้น ๆ มากที่สุด
ข้อนี้หลาย ๆ คนอาจจะคิดไม่ถึง แต่ในวงการ HR ที่ต้องคัดเลือกบุคลากรให้เหมาะสมกับงาน รูปแบบของ Resume ก็เป็นหนึ่งในรายละเอียดที่ชวนให้ฝ่ายเอชอาร์สะดุดตา
อย่างที่ทราบกันดีว่า รูปแบบของเรซูเมไม่มีอะไรตายตัว ไม่มีผิดถูก แต่มีเส้นบาง ๆ ของความเหมาะสมขั้นอยู่ แน่นอนว่าถ้าคุณสมัครงานกับองค์กรต่างชาติที่มีความเป็นทางการสูง รูปแบบของเรซูเมก็ควรสอดคล้องกับบริษัทที่คุณจะไปสมัคร แต่ถ้าตำแหน่งนั้นจำต้องแสดงความครีเอทีฟ หรือเน้นเรื่องการออกแบบทำโมชัน เรซูเมของคุณก็ควรจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในส่วนนี้ (ทางการแบบกึ่งครีเอทีฟ) หรือถ้าสมัครงานในองค์กรคนรุ่นใหม่ สายเอเจนซีที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะ การดีไซน์ที่สะดุดตา โทนสีต่าง ๆ ก็บอกความเป็นตัวคุณได้เช่นกัน
อีกหนึ่งทริกเล็ก ๆ ที่ช่วยให้เรซูเมของคุณเป็นที่สะดุดตา คือการใส่ Keyword เข้าไปในเนื้อหาของเรซูเม ยิ่งเราใส่คีย์เวิร์ดได้ตรงกับสิ่งที่ HR ต้องการก็ยิ่งทำให้เราล็อกมงกว่าใคร ว่าง่าย ๆ คือเสมือนการทำ SEO เพิ่ม Volume ในการค้นหา
แล้วจะได้ Keyword จากตรงไหน บอกไว้เลยว่าง่ายมาก ให้ Copy ข้อความในส่วนของ Job Description หรือรายละเอียดต่าง ๆ ในตำแหน่งงานนั้น แล้วนำไป Paste ในเว็บไซต์ Word count generator แล้วดูว่าคำไหนมีจำนวนเยอะ หรือพิจารณาแล้วจะมีน้ำหนักเยอะที่สุด จากนั้นค่อยนำมาคีย์เวิร์ดเหล่านั้นมาใส่ในเรซูเม เนื่องจากปัจจุบันบางองค์กรใหญ่ ๆ ได้รับเรซูเมจากผู้สมัครจำนวนมาก จึงเริ่มเปลี่ยนมาใช้โปรแกรม ATS Resume Checker คัดเลือกเรซูเมที่น่าสนใจ โดยการโฟกัสจาก Keyword นั่นเอง
เพียง 26% ของผู้สมัครงานที่ใส่ผลงานและโปรเจกต์ที่ผ่านมาลงในเรซูเม ซึ่งจริง ๆ แล้วการใส่ผลงานประกอบไปด้วย เป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะช่วยให้ HR เห็นศักยภาพในตัวคุณได้ชัดเจน โดยผลงานที่แสดงถึงความสามารถนั้นควรผลลัพธ์เป็นตัวเลขที่เด่นชัด จริงอยู่สำหรับบางงาน ตัวเลขไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง
ในทางกลับกัน หากมีคนสมัครเข้ามาในตำแหน่ง Marketing Manager เข้ามาพร้อมกัน 3 คน ประสบการณ์และการศึกษาใกล้ ๆ กัน แต่ผลงานของคุณระบุชัดเจนเลยว่า สามารถทำกำไรให้องค์กรเพิ่มขึ้น 20% ตลอดทั้งปี จากการวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญ กับคนอื่นที่เขียนแค่ว่า ดูแล จัดการและแก้ปัญหาทีมทั่วไปเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตาม KPI แบบไหนจะน่าสนใจกว่ากัน
ทั้ง 5 วิธีปั้นเรซูเมให้สะดุดตาเป็นเพียงไกด์ไลน์จาก JobsDB แบบกว้าง ๆ ให้ทุก ๆ คนสามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกสาขาอาชีพ บางครั้งชีวิตก็ต้องลองผิดไปก่อนถึงจะเจอกับคำว่า “ลองถูก” แล้วถ้าปรับเรซูเมจนปังสมใจแล้ว อย่าลืมเปิดประตูต้อนรับโอกาสและงาน ๆ ดีได้กับ JobsDB แพลตฟอร์มหางานแบบครบวงจรอันดับ 1 ในประเทศไทย