Key Takeaway
ทำความรู้จักกับ PDPA คืออะไร (Personal Data Protection Act) กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกบังคับใช้ในยุคดิจิทัล ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและองค์กร การรู้เท่าทันสิทธิ์ของตนเองและแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทราบเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลและลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
PDPA (Personal Data Protection Act) หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกฎหมายที่กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล
ข้อมูลส่วนบุคคลตาม PDPA คือ ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของบุคคลได้โดยตรงหรือโดยอ้อม เช่น ชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน อีเมล เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงข้อมูลในเรซูเม่ (Resume), Portfolio และ Cover Letter ที่ถูกใช้ในการสมัครงาน โดยข้อมูลเหล่านี้ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนนำไปใช้ หรือถูกจัดเก็บและประมวลผลตามหลักการที่กฎหมายกำหนด
PDPA มีความสำคัญในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลถูกแลกเปลี่ยนผ่านระบบออนไลน์อย่างรวดเร็ว หากไม่มีการคุ้มครองที่เหมาะสม อาจเกิดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูล เช่น การนำเรซูเม่หรือ Portfolio ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของเจ้าของข้อมูลได้
กฎหมาย PDPA ถูกบังคับใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนและกำหนดมาตรฐานในการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้
PDPA กำหนดให้ทุกองค์กรและบุคคลที่เก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคล ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น การขอ ความยินยอม (Consent) ก่อนใช้ข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการรั่วไหล
ผู้ที่เก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น นายจ้างที่รับ เรซูเม่ (Resume) หรือ Portfolio ในกระบวนการรับสมัครงาน ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลให้ชัดเจน รวมถึงต้องไม่ใช้ข้อมูลนอกเหนือจากข้อตกลง
ในยุคดิจิทัล ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น Cover Letter, อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หากไม่มีมาตรการป้องกัน PDPA จึงช่วยลดปัญหาการรั่วไหลและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
การคุ้มครองข้อมูลช่วยให้ผู้ใช้บริการออนไลน์มั่นใจในการสมัครงาน การส่ง Resume หรือ Portfolio ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลจะถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
PDPA มีแนวทางคล้ายคลึงกับ GDPR (General Data Protection Regulation) ของสหภาพยุโรป ซึ่งช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันในระดับสากลได้โดยรักษามาตรฐานการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัย
ภายใต้กฎหมาย PDPA คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการคุ้มครองแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งครอบคลุมทั้งข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้โดยตรงและโดยอ้อม ดังนี้
การปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA เป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรและบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หลักการสำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม มีดังนี้
การรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ PDPA มี 3 องค์ประกอบหลัก ที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ได้แก่
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งไว้และไม่เกินความจำเป็น เช่น การใช้ เรซูเม่ Portfolio หรือ Cover Letter ในการพิจารณาผู้สมัครงานเท่านั้น ห้ามนำไปใช้เพื่อการตลาดโดยไม่ได้รับความยินยอม ข้อมูลต้องได้รับการรักษาความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการจำกัดสิทธิ์เข้าถึง นอกจากนี้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์ขอแก้ไข ลบ หรือเพิกถอนการใช้ข้อมูลได้ ดังนั้นองค์กรจึงต้องมีมาตรการรองรับ รวมถึงกำหนดระยะเวลาเก็บข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยใช้การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้อง และติดตามการใช้งานข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงจากการรั่วไหล รวมถึงควรมีระบบสำรองข้อมูล (Backup) อย่างสม่ำเสมอ และกำหนดนโยบายลบข้อมูลเมื่อหมดความจำเป็น เช่น ลบเรซูเม่ของผู้สมัครที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเพื่อลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล โดยต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าว่าข้อมูลจะถูกเปิดเผยต่อใครและเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น การส่งเรซูเม่ หรือ Portfolio ให้กับบริษัทคู่ค้าเพื่อพิจารณารับสมัครงาน ต้องได้รับการยินยอมก่อนเสมอ และควรมีมาตรการป้องกันไม่ให้ข้อมูลถูกนำไปใช้เกินขอบเขต เช่น การทำสัญญาความลับ (NDA) กับบุคคลหรือองค์กรที่ได้รับข้อมูล เพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
การกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ต้องมีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูล รวมถึงกำหนดมาตรการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของข้อมูลเป็นระยะ หากมีการละเมิดหรือรั่วไหล ต้องดำเนินการแจ้งเตือนและแก้ไขโดยเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
กฎหมาย PDPA มีผลกระทบทั้งต่อภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป โดยกำหนดมาตรฐานการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัยและถูกต้อง ซึ่งส่งผลในด้านต่างๆ ดังนี้
องค์กรที่มีการเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น แผนก HR ต้องปรับกระบวนการรับสมัครงานให้เป็นไปตามกฎหมาย เช่น การขอความยินยอมก่อนเก็บเรซูเม่ หรือข้อมูลผู้สมัครงาน นอกจากนี้ต้องมีมาตรการป้องกันข้อมูลรั่วไหล หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกลงโทษตามกฎหมาย
ผู้ใช้งานออนไลน์ต้องระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น การกรอกแบบฟอร์มสมัครงานหรือการส่งข้อมูลให้หน่วยงาน HR ควรตรวจสอบวัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลก่อนให้ความยินยอม นอกจากนี้ PDPA ยังช่วยให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์ร้องขอให้ลบหรือแก้ไขข้อมูลของตนเอง
การใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อโฆษณาหรือส่งอีเมลต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของ PDPA เช่น การขอความยินยอมก่อนใช้ข้อมูลเพื่อส่งโฆษณาทางอีเมลหรือ SMS หากละเมิดอาจถูกฟ้องร้องและเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า
หากองค์กรหรือบุคคลฝ่าฝืนกฎหมาย PDPA อาจได้รับบทลงโทษที่แบ่งออกเป็น 3 ทางหลัก ดังนี้
PDPA คือ กฎหมายสำคัญที่ช่วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล ครอบคลุมการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลอย่างปลอดภัย ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามอาจได้รับโทษทั้งทางปกครอง แพ่ง และอาญา โดยเฉพาะองค์กรที่มีการจัดเก็บข้อมูลผู้สมัครงาน เช่น เรซูเม่ (Resume) และ Portfolio จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของ PDPA อย่างเคร่งครัด หากคุณกำลังมองหางานผ่านแพลตฟอร์มสมัครงานออนไลน์ที่ JobsDB มีนโยบายการจัดเก็บและใช้ข้อมูลที่โปร่งใส พร้อมมาตรการป้องกันข้อมูลรั่วไหล ช่วยให้คุณสมัครงานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย