Key Takeaway
- ค่าแรงขั้นต่ำคือต่ำสุด ที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองสิทธิของแรงงาน และรับประกันว่าพวกเขาจะได้รับค่าตอบแทนเพียงพอต่อการดำรงชีวิต
- ปัจจัยหลักในการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ คือสภาพเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ คุณภาพแรงงาน และความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
- ค่าแรงขั้นต่ำในปี 2567 แนวโน้มการปรับค่าแรงขั้นต่ำคาดว่าจะเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองต่อค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยอาจปรับตามสภาพเศรษฐกิจ และความเห็นของภาคแรงงานด้วย
อัตราค่าแรงขั้นต่ำ หรือเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำสุด ที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองสิทธิของแรงงาน โดยค่าแรงขั้นต่ำมักจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และค่าครองชีพของประเทศ และในปี 2567 นี้มีการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่สำคัญตามพื้นที่ต่างๆ จะมีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ไปดูกัน!
ทำความเข้าใจ ค่าแรงขั้นต่ำ คืออะไร
ค่าแรงขั้นต่ำ คือ ค่าตอบแทนขั้นต่ำ ที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด โดยห้ามนายจ้างจ่ายน้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ หรือแม้แต่ในช่วงทดลองงาน ก็ต้องได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าที่กฎหมายระบุไว้ ซึ่งการคำนวณค่าจ้างจะคิดเป็น 8 ชั่วโมงต่อวัน แม้ว่าลูกจ้างจะทำงานน้อยกว่านั้น นายจ้างก็ต้องจ่ายค่าจ้างเต็มตาม 8 ชั่วโมง ไม่สามารถหักลดได้
เกณฑ์พิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ มีอะไรบ้าง
การพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ เป็นกระบวนการที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ รวมถึงการคุ้มครองสิทธิของแรงงาน เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณามีหลายด้าน ดังนี้
- ค่าครองชีพ: ประเมินค่าใช้จ่ายพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของแรงงาน เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
- ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง: ดูว่าธุรกิจ หรือนายจ้างมีศักยภาพทางการเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่าจ้างตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
- สภาพเศรษฐกิจ: พิจารณาถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต เป็นต้น
การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ อัปเดตปี 2567
การปรับค่าแรงขั้นต่ำในปี 2567 เป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยล่าสุดมีการประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น 400 บาท เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แนวโน้มการปรับค่าแรงนี้ แสดงถึงความพยายามของรัฐบาลในการช่วยเหลือแรงงานให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ค่าแรงขั้นต่ำจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่จังหวัด ดังนี้
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 330 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 338 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 340 บาท
- ราชบุรี
- ระนอง
- สตูล
- เลย
- หนองบัวลำภู
- อุดรธานี
- มหาสารคาม
- ศรีสะเกษ
- อำนาจเจริญ
- ลำปาง
- แม่ฮ่องสอน
- อุตรดิตถ์
- สุโขทัย
- กำแพงเพชร
- พิจิตร
- อุทัยธานี
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 341 บาท
- อ่างทอง
- สิงห์บุรี
- ชัยนาท
- พัทลุง
- ชัยภูมิ
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 342 บาท
- ร้อยเอ็ด
- กาฬสินธุ์
- บึงกาฬ
- เพชรบูรณ์
- นครศรีธรรมราช
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 343 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 344 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 345 บาท
- เชียงราย
- พิษณุโลก
- สระแก้ว
- นครพนม
- มุกดาหาร
- สกลนคร
- บุรีรัมย์
- อุบลราชธานี
- จันทบุรี
- ตาก
- กาญจนบุรี
- ประจวบคีรีขันธ์
- สุราษฎร์ธานี
- สงขลา
- พังงา
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 347 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 348 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 349 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาท
- เชียงใหม่
- ขอนแก่น
- พระนครศรีอยุธยา
- สระบุรี
- ปราจีนบุรี
- ฉะเชิงเทรา
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 351 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 352 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 361 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 363 บาท
- กรุงเทพมหานคร
- นนทบุรี
- ปทุมธานี
- นครปฐม
- สมุทรปราการ
- สมุทรสาคร
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 370 บาท
จังหวัดที่มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท
การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท จะมีผลเฉพาะกับพื้นที่ท่องเที่ยว หรือกิจการโรงแรมในพื้นที่สำคัญของ 10 จังหวัด ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร (เขตวัฒนา เขตปทุมวัน)
- เชียงใหม่ (อำเภอเมือง)
- ภูเก็ต
- ชลบุรี (พัทยา)
- กระบี่ (อ่าวนาง)
- สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย)
- ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน)
- พังงา (ตำบลคึกคัก)
- ระยอง (ตำบลเพ เกาะเสม็ด)
- สงขลา (หาดใหญ่)
ส่องอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 20 ปีที่ผ่านมา แนวโน้มเป็นอย่างไร?
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อัตราค่าแรงขั้นต่ำในประเทศไทยมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น การปรับขึ้นของค่าแรง เป็นการพยายามคุ้มครองสิทธิของแรงงาน และสร้างความสมดุลให้กับสภาพเศรษฐกิจ และความต้องการของนายจ้าง
เกณฑ์การปรับค่าจ้างนี้ มักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเติบโตของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และแรงกดดันทางสังคม เป็นต้น ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มดังนี้
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2547: อยู่ที่ประมาณ 133 - 170 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2548: อยู่ที่ประมาณ 139 - 181 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2549: อยู่ที่ประมาณ 140 - 184 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2550: เพิ่มขึ้นเป็น 143 - 191 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2551-2552: อยู่ที่ประมาณ 148 - 203 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2553: มีการปรับขึ้นอีกครั้งเป็น 151 - 206 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2554: มีการปรับขึ้นเป็น 159 - 221 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2555: มีการปรับครั้งสำคัญ โดยปรับขึ้นเป็น 222 - 300 บาทต่อวันในหลายจังหวัด
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2556-2558: อยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2559: ถูกปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 300 - 305 บาทต่อวันในบางจังหวัด
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2560-2561: อยู่ที่ประมาณ 300 - 310 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2562: ปรับเพิ่มขึ้นอีกเป็น 300 - 330 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับภูมิภาค
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2563-2564: ปรับขึ้นเป็น 313 - 336 บาทต่อวัน ตามเขตพื้นที่
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2565-2566: เพิ่มขึ้นเป็น 323 - 354 บาทต่อวัน
- ค่าแรงขั้นต่ำปี 2567: มีการปรับค่าแรงสำคัญเกิดขึ้น โดยมีการปรับขึ้นเป็น 330 - 400 บาทต่อวัน
สรุป
ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้น การปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทในปี 2567 สะท้อนถึงความพยายามในการช่วยเหลือแรงงานให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม การก้าวข้ามค่าแรงขั้นต่ำ และเลือกงานที่ให้ค่าตอบแทนที่ดีกว่านั้นสำคัญมาก
ที่ Jobsdb คุณสามารถหางานที่ตรงตามความสามารถของคุณ พร้อมเปรียบเทียบเงินเดือนจากหลากหลายบริษัทในตำแหน่งงานเดียวกัน เพื่อเลือกงานคุณภาพที่ให้ผลตอบแทนสูง และเหมาะสมกับศักยภาพของคุณมากที่สุด
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ