มือใหม่ห้ามพลาด! อยากขายของออนไลน์ เริ่มต้นอย่างไร ให้ธุรกิจปัง

Key Takeaway

• อาชีพขายของออนไลน์สามารถเริ่มต้นได้ทุกคน โดยไม่ต้องมีประสบการณ์หรือเงินทุนเยอะ
• การขายของออนไลน์ต้องเรียนรู้ทักษะหลัก 5 ด้าน ได้แก่ ความรู้พื้นฐานการใช้เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า สินค้า และการตลาดในเบื้องต้น ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะด้านการบริการ และวินัยเรื่องความอดทน มุ่งมั่น สม่ำเสมอ
• ถ้าอยากขายของออนไลน์ ควรวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่า ใครเป็นลูกค้าของเรา ช่วงวัยใด ทำงานอะไร และมีกำลังซื้อเพียงพอกับสินค้าและบริการของเราหรือไม่
• การขายของออนไลน์สามารถทำได้ผ่านช่องทาง Social media หรือเลือกเปิดร้านบนแพลตฟอร์มประเภท E–commerce Marketplace ที่เป็นตัวกลางในการดูแลระบบร้านค้าออนไลน์ให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

อาชีพขายของออนไลน์ได้กลายเป็นหนึ่งในอาชีพยอดฮิตอย่างต่อเนื่อง เพราะในยุคนี้มีอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้การทำธุรกิจออนไลน์เป็นเรื่องง่ายขึ้น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยังมีช่องทางในการขายสินค้าและทำการตลาดที่ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน 

ส่วนใครที่สนใจอยากขายของออนไลน์และเริ่มต้นทำอาชีพนี้ ควรศึกษาวิธีเริ่มต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ บทความนี้ยังมีเทคนิคการขายของออนไลน์ให้ยอดขายทะลุเป้าและได้กำไรงามๆ มาฝากกันมากมาย ต้องติดตามดูกัน 

ขายของออนไลน์ ดีกว่ารูปแบบอื่นอย่างไร?

ธุรกิจการขายของออนไลน์เป็นโอกาสสำหรับคนที่อยากขายของออนไลน์หรือเจ้าของร้านที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว และต้องการขยายช่องทางการขายเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น ธุรกิจนี้ทำได้ง่าย ได้รับความนิยมอย่างมาก และใช้ระบบที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น  Facebook, Instagram, LINE, Shopee, Lazada, TikTok หรืออื่นๆ 

การขายของเพียงใช้แค่เทคนิคนิดหน่อยก็สามารถเพิ่มกำไรได้อย่างมาก หรือหากใครสนใจอาชีพขายของออนไลน์แต่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถเริ่มต้นได้ เพราะการขายของออนไลน์แบบนี้มีข้อได้เปรียบกว่าธุรกิจรูปแบบอื่นๆ ดังนี้

• สามารถเริ่มต้นธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านหรือการลงทะเบียนที่อยู่ที่ตั้งใดๆ ทั้งสิ้น
• สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายได้ง่ายและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเลือกกลุ่มลูกค้าให้ตรงกับประเภทธุรกิจของเราได้แม่นยำ
• ระบบร้านค้าออนไลน์มีความปลอดภัยสูง ทำให้ทั้งลูกค้าและผู้ขายสามารถใช้งานอย่างสะดวก มั่นใจ และลดความเสี่ยงเรื่องการโกงหรือความเสียหายต่างๆ
• การเปิดร้านใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยมาก หรือแม้แต่เริ่มต้นด้วยทุน 0 บาท ก็สามารถทำได้เช่นกัน
• สามารถขายสินค้าได้หลากหลายประเภทและรายการ โดยไม่ต้องมีการจัดพื้นที่เหมือนกับหน้าร้านจริง
• สามารถเปิดร้านค้ากี่ประเภทก็ได้
• เปิดรับออเดอร์และทำการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด และยังสามารถกำหนดวันหยุดหรือเงื่อนไขการเปิด–ปิดร้านได้ตามต้องการ
• วิธีการชำระเงินมีให้เลือกครบทุกระบบ ตั้งแต่การสแกนจ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด การเก็บเงินปลายทาง การตัดเงินผ่านบัญชีหรือบัตรเครดิต การผ่อนชำระตามเงื่อนไขของแอปพลิเคชันนั้นๆ
• เจ้าของร้านสามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรงตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกมากมายที่ทำให้ธุรกิจการขายของออนไลน์มาแรง และหลายคนสนใจที่จะเริ่มต้นเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มากขึ้น 

ทักษะจำเป็น ถ้าอยากขายของออนไลน์

การผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจขายของออนไลน์จำเป็นต้องมีทักษะที่สำคัญหลัก 5 ด้านที่ควรศึกษาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การเริ่มต้นเป็นไปได้ง่ายและไม่ต้องเสียต้นทุนเพิ่มเติมในการลองผิดลองถูก ทักษะพื้นฐานที่คนอยากขายของออนไลน์ควรรู้ไว้ มีดังนี้

มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี

การเปิดร้านค้าออนไลน์หรือการทำธุรกิจขายของออนไลน์ต่างๆ จำเป็นต้องมีทักษะด้านเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานสำคัญ เพื่อให้สามารถเข้าใจระบบและการใช้งานแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และช่องทางต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาเงินผ่านเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วอย่างง่ายที่สุด เช่น การขายของผ่าน LINE, Facebook, Shopee, TikTok, Lazada หรือช่องทางโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มตัวกลางอื่นๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองก็ต้องใช้ความรู้พื้นฐานด้านเทคโนโลยีในการเลือกโอกาสและช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราเช่นกัน

ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล

ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลจะช่วยในการทำการตลาดเบื้องต้นเพื่อหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และในการวางแผนสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เช่น หากเจ้าของธุรกิจมีสินค้าที่ต้องการขายแล้ว ต้องมาวิเคราะห์ต่อไปว่ากลุ่มผู้ซื้อเป็นใคร อายุเท่าไร เพศไหน และสินค้าของเราจะช่วยแก้ไขปัญหาหรือมีข้อดีอะไรที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของเรามากกว่าร้านคู่แข่งที่ขายของประเภทเดียวกัน เพราะในปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าออนไลน์มีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ใครที่อยากทำอาชีพขายของออนไลน์อย่างจริงจัง ควรมีทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้แยกแยะและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีความคิดสร้างสรรค์

ทักษะความคิดสร้างสรรค์มีความสำคัญมากสำหรับคนที่ต้องการเปิดร้านค้าขายของออนไลน์หรือทำธุรกิจออนไลน์ในยุคนี้ เพราะการสร้างคอนเทนต์หรือเนื้อหาสำหรับสินค้า ร้านค้า และแบรนด์ จะช่วยสร้างตัวตนให้ลูกค้ารู้จักเราได้ง่ายขึ้น และเป็นจุดเด่นที่สามารถนำเสนอทุกอย่างให้ลูกค้ารู้สึกสนใจหรือตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น การเขียนบทความเกี่ยวกับสินค้าและบริการ การทำคลิปวีดีโอ การออกแบบรูปภาพเนื้อหา infographic และอื่นๆ เป็นต้น 

ทักษะการบริการ

ถึงแม้ว่าหน้าร้านค้าจะไม่มีอยู่จริงเพราะเป็นการขายของผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ทักษะการบริการยังคงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจำเป็นต้องใช้ในการตอบแชตลูกค้า ปิดการขายให้รวดเร็ว และสร้างความประทับใจในการกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการกับร้านของเราซ้ำ 

มีความอดทนและมุ่งมั่น

ในยุคที่คู่แข่งในธุรกิจการขายของออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ความอดทนและความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเอง รวมถึงการผลักดันสินค้าหรือร้านค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้การมีความสม่ำเสมอในทุกทักษะ และการอัปเดตหน้าร้านค้าออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร้านค้าและแบรนด์ของเราประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จักในตลาดมากกว่าร้านที่ไม่ค่อยได้อัปเดตหรือทำอย่างต่อเนื่อง ทักษะและนิสัยนี้สามารถนำไปใช้ได้กับทุกแพลตฟอร์มและระบบการขาย

เริ่มต้นขายของออนไลน์อย่างไร ให้ยอดขายปัง

ร้านค้าใหม่ที่เปิดขายของออนไลน์มักพบปัญหาใหญ่ เช่น การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และการสร้างยอดขายแรกในระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่เสียเงินทุนหรือเวลาไปฟรีๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทั้งร้านใหม่และร้านเก่าที่ทำอาชีพขายของออนไลน์ต้องเผชิญ ดังนั้น เทคนิคในการขายเพื่อให้ยอดขายปัง ปิดการขายง่ายๆ และสร้างกำไรแม้เป็นร้านแบรนด์ใหม่มีวิธีการที่ทุกคนสามารถทำได้ดังนี้

1. เลือกสินค้าที่อยากจะขาย

การเริ่มต้นขายของออนไลน์มีหลักการวางแผนที่ควรทำอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ เลือกทำธุรกิจร้านค้าออนไลน์จากการตัวสินค้าที่อยากจะขาย หรือ เลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก่อนแล้วจึงเริ่มต้นเปิดร้านค้าและทำธุรกิจออนไลน์

หากเลือกเปิดร้านจากสินค้าที่อยากขาย แนะนำให้เลือกสินค้าตามกระแสเพื่อเก็บเงินกำไรในช่วงแรก เนื่องจากสินค้าตามกระแสมักสร้างรายได้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ความนิยมอาจลดลงเร็วเช่นกัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับการขายเพื่อทำกำไรในช่วงแรกก่อนที่จะไปต่อยอดกับสินค้าอื่นๆ 

ส่วนตัวเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก่อนทำการเปิดร้านค้าออนไลน์ จะช่วยให้เลือกสินค้าที่มีความยั่งยืนสำหรับร้านได้ง่ายขึ้นและสามารถปิดยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเจ้าของธุรกิจจะต้องวางแผนและวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด เช่น เพศ อาชีพ ช่วงวัย และความจำเป็นของสินค้าต่อผู้ซื้อ เมื่อได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้ว การเลือกสินค้าและเจาะจงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นเรื่องง่ายและตรงจุดมากขึ้น

2. ชื่อร้านต้องแตกต่าง

การตั้งชื่อร้านเพื่อขายของออนไลน์เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภค ควรตั้งชื่อร้านให้มีความน่าเชื่อถือและชัดเจนเกี่ยวกับประเภทสินค้าที่ขาย นอกจากนี้ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าชื่อร้านที่ตั้งไม่มีการซ้ำหรือคล้ายกับร้านค้าคู่แข่งที่มีอยู่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องการคัดลอกและสร้างความแตกต่างที่ชัดเจน

เพื่อให้ร้านโดดเด่นต้องสร้างความแตกต่างแต่ยังคงความชัดเจนในสินค้าและบริการไว้ด้วย การวิเคราะห์จากตัวสินค้าและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรตั้งชื่อร้านให้มีความเป็นกันเอง หรูหรา หรือทันสมัย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น

3. อย่าลืมคำนวณต้นทุนให้ดี

สิ่งที่คนทำอาชีพขายของออนไลน์มักพลาดบ่อยที่สุดคือการคำนวณต้นทุนของสินค้า ส่วนมากมักคำนวณเพียงแค่ราคาทุนสินค้าที่รับมาบวกกับค่าแพ็กสินค้าในการจัดส่ง แต่การคำนวณต้นทุนที่แท้จริงต้องมองให้ละเอียดทุกขั้นตอนการทำงานทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาธุรกิจไม่สามารถดำเนินต่อได้ 

การคำนวณต้นทุนของสินค้าให้ละเอียดควรพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมด เช่น ต้นทุนค่าสินค้า ค่าไฟ ค่าแรงของตัวเราเอง (กรณีทำร้านคนเดียว) ค่าแรงของทีมงาน (กรณีมีหลายคน) ค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งเรื่องนี้ต้องอัปเดตและศึกษาให้ดี ค่าแพ็กของ ค่าจัดส่ง เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว จึงค่อยคำนวณกำไรที่ต้องการตั้งตามเปอร์เซ็นต์จากต้นทุนทั้งหมดต่อสินค้าแต่ละชิ้น

4. เลือกแพลตฟอร์มขายออนไลน์ที่เหมาะสม

ในการขายสินค้าออนไลน์ ควรพิจารณาว่าต้องการขายให้กับกลุ่มลูกค้าใด หรือเลือกแพลตฟอร์มที่ต้องการขายบนระบบใด เนื่องจากผู้ใช้งานแอปพลิเคชันแต่ละตัวมีลักษณะและกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สำหรับร้านค้าใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการเลือก 1-2 ช่องทางก่อน แล้วค่อยขยายแพลตฟอร์มการขายเมื่อทำกำไรได้ตามเป้าหมายแล้ว ส่วนผู้ใช้งานหรือลูกค้าแต่ละกลุ่มบนแอปพลิเคชันต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

• Facebook เป็นช่องทางที่มีการรวมกลุ่มผู้ใช้งานและลูกค้าหลากหลายมากที่สุด สำหรับร้านค้าใหม่ แนะนำให้เปิดขายของออนไลน์บน Facebook โดยสามารถขายได้ทั้งผ่านแฟนเพจ Marketplace และการโพสต์ขายในกลุ่มการซื้อ-ขายต่างๆ การเลือกช่องทางเหล่านี้ให้เหมาะสมจะช่วยให้โฆษณาภาพจำของแบรนด์หรือร้านค้าได้ง่ายที่สุด
• Instagram เป็นช่องทางที่มีผู้ใช้งานหลักเป็นเด็กวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 13 ปี จนถึงกลุ่มอายุไม่เกิน 30 ปี ดังนั้นสินค้าที่เหมาะกับการขายบน IG ควรมีเอกลักษณ์และเน้นการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ควบคู่กับการสร้างคลิปวีดีโอหรือคอนเทนต์ออนไลน์ที่ช่วยให้ร้านดูโดดเด่นที่สุด ราคาการขายบน IG มักอยู่ในเรตระดับปานกลางถึงสูง
• LINE OA หรือ LINE Official Account เป็นช่องทางการขายสินค้าที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด และช่วยให้ธุรกิจของเราดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น กลุ่มผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทำงานและนักศึกษา อีกทั้งยังสามารถขายให้กับคนรู้จักของเราได้โดยตรง
• TikTok การขายของผ่าน TikTok หรือระบบ TikTok Shop สามารถทำได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือ การสร้างคลิปวีดีโอเพื่อโปรโมตสินค้าต่อกลุ่มลูกค้าที่สนใจโดยตรง หรือการลงสินค้าขายผ่าน TikTok Shop โดยไม่ต้องสร้างคลิปวีดีโอ ข้อดีของการขายผ่านแอปนี้คือมีจำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก และยังมีระบบตัวแทนที่สามารถช่วยให้การขายของง่ายขึ้น

E–Commerce Marketplace เช่น Shopee, Lazada หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ เป็นระบบที่ให้บริการด้านการซื้อขายออนไลน์โดยตรง การเลือกขายผ่านแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าและแบรนด์สินค้าของเราได้มากที่สุด 

5. ทำการตลาดให้ชัดเจน

การวางแผนการตลาดสำหรับร้านขายของออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ควรเริ่มต้นจากการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า วิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างสินค้าเรากับลูกค้า แล้วสร้างเอกลักษณ์ให้กับร้านค้าหรือแบรนด์เรา เพื่อให้มีความแตกต่างจากร้านคู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน

โดยส่วนนี้ต้องเน้นการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์และความสม่ำเสมอในการทำโพสต์เพื่อให้ร้านค้า สินค้า หรือแบรนด์ของเราเป็นที่จดจำของกลุ่มลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ การจัดโปรโมชันอย่างสม่ำเสมอยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ร้านค้า และเป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีประโยชน์ต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ  การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ละเอียดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำธุรกิจร้านขายของออนไลน์ เพราะช่วยให้การวางแผนโปรโมชันและการตลาดมีความตรงเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

6. ช่องทางชำระเงินต้องหลากหลาย

ข้อดีของการเลือกเปิดร้านค้าขายของออนไลน์คือมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และเจ้าของธุรกิจสามารถเลือกสินค้าประเภทใดมาขายได้เช่นกัน ตัวอย่างช่องทางการชำระเงิน ได้แก่

• การจ่ายเงินผ่าน QR CODE ลูกค้าสามารถสแกนจ่ายเพื่อรับสินค้าทันที และตรวจสอบการชำระเงินกับผู้ขายได้ง่าย
• การเก็บเงินปลายทาง ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าและจ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้าที่ส่งถึงบ้าน เพิ่มความมั่นใจในการได้รับสินค้าจากผู้ขาย ส่วนผู้ขายจะได้รับยอดเงินหลังจากสินค้าถึงมือลูกค้า ส่วนผู้ขายก็จะได้รับยอดหลังจากจัดส่งถึงมือลูกค้าแล้วเรียบร้อย
• การจ่ายเงินผ่านการตัดบัตรเครดิต บัตรเดบิต หักเงินผ่านบัญชี เป็นวิธีการชำระเงินที่รวดเร็วและสะดวกสำหรับการซื้อสินค้าที่มีจำนวนจำกัด โดยการผูกบัญชีหลักไว้เพื่อความรวดเร็วในการทำธุรกรรม

7. ดูแลระบบหลังบ้านให้ดี

การดูแลระบบหลังบ้านเป็นการช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและช่วยให้เจ้าของธุรกิจขายของออนไลน์สามารถมองเห็นปัญหาต่างๆ ได้ชัดเจน พร้อมเลือกวิธีการแก้ไขอย่างตรงจุด ตัวอย่างเครื่องมือที่ช่วยจัดการระบบหลังบ้านในแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น

• ระบบ LINE Myshop เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดการร้านค้าบน LINE Shopping โดยสามารถดูแลร้านค้าเข้าร่วมแคมเปญต่างๆ และโปรโมทร้านค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานไลน์ได้ฟรี
• ระบบ Meta Business สำหรับธุรกิจที่ใช้ Facebook หรือ Instagram เป็นช่องทางการขาย สามารถใช้ Meta Business เพื่อจัดการหลังบ้าน ควบคุมการทำโฆษณาและการยิง Ads ให้มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากที่สุด

สรุป

ใครที่อยากขายของออนไลน์สามารถเริ่มต้นได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีเงินทุนเยอะหรือประสบการณ์มากมาย เพียงแค่มีทักษะหลัก เช่น การใช้เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างคอนเทนต์ การบริการ และความอดทนต่อเนื่อง ก็สามารถสร้างธุรกิจขายของออนไลน์ของตัวเองได้สำเร็จแม้เป็นร้านใหม่

สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการผู้ช่วยหรือทีมงานคุณภาพ สามารถลงประกาศรับสมัครงานผ่านเว็บไซต์ JobsDB ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการจัดหางานอันดับ 1 ของประเทศไทย เพื่อคัดเลือกผู้ช่วยที่เหมาะสมจากทั่วประเทศมาร่วมงานกับธุรกิจของคุณได้ง่ายๆ