ถ้าอยากเปลี่ยนงานใหม่ ควรสมัครงานเมื่อไรดี

ถ้าอยากเปลี่ยนงานใหม่ ควรสมัครงานเมื่อไรดี
Jobsdb ทีมเนื้อหาอัปเดตเมื่อ 21 May, 2024
Share

การเปลี่ยนงานในชีวิตมนุษย์เงินเดือนถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนต่างต้องการมองหาโอกาสที่ดีให้แก่ตัวเองอยู่เสมอ หากบริษัทไหนที่อยู่แล้วไม่สบายใจ ทำงานไปแล้วไม่เติบโต ไม่ได้พัฒนาทักษะตัวเอง การเปลี่ยนงานดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเปลี่ยนงานก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการตัดสินใจที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้ว ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หรือผ่านการคิดที่ไม่ถี่ถ้วน จนหลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้วควรจะสมัครงานใหม่เมื่อไรดี ถ้าอยากเปลี่ยนงาน บทความนี้มีคำตอบ

สถิติในการเปลี่ยนงาน

จากที่สถิติการเปลี่ยนงานที่ผ่านมาพบว่า 50% เป็นเด็กจบใหม่หรือเป็นคนที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้อาจจะยังไม่มีประสบการณ์ที่มากพอในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในที่ทำงาน เมื่อพวกเขาต้องเจอกับปัญหาใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ ทำให้ยังรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร สุดท้ายจึงเลือกการลาออก เพื่อค้นหาบริษัทที่เหมาะกับตัวเอง

แต่โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี เพราะบางคนมีความคิดว่าการทำงานที่เดิมไปนานๆ อาจก่อให้เกิดการ Burn Out หรือมีความสุขในการทำงานลดน้อยลง แต่ถ้าเลือกลาออกจากงานเร็วกว่านี้ ก็เกรงว่าประสบการณ์ในการทำงานที่เดิมยังไม่เพียงพอ และอาจจะทำให้เรซูเม่ไม่สวยงามมากนัก

แต่เรื่องของสถิติก็อาจไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมดเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเปลี่ยนงาน เพราะหลายคนเมื่อลาออกจากที่เก่าไปแล้ว กลับต้องพบว่าที่ทำงานใหม่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่เก่าสักเท่าไร ดังนั้นจึงต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเปลี่ยนงานด้วย

ควรวิเคราะห์อะไร ก่อนเปลี่ยนงาน

ความอดทน

อันดับแรกเลยคือเรื่องของความอดทน ควรวิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆ ที่เจอในที่ทำงานก่อนว่า ร้ายแรงพอที่จะเปลี่ยนงานไหม หรือเป็นแค่ปัญหาจุกจิกที่ยังพอทนได้ แต่ถ้าดูแล้วปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้คุณทนไม่ไหวจริงๆ นี่ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการสมัครงานใหม่

ข้อดีของการเปลี่ยนงานใหม่

เมื่อมีความคิดที่จะเปลี่ยนงาน แล้วเล็งๆ งานที่ใหม่ไว้บ้างแล้ว ควรศึกษาข้อมูลของบริษัทเสียก่อน แล้วนำมาชั่งใจกับบริษัทเก่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้องาน วัฒนธรรมองค์กร ไปจนถึงเรื่องผลตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ ว่าสิ่งเหล่านี้คุ้มค่าต่อการเปลี่ยนงานใหม่ ถ้าพิจารณาแล้วว่ามีแนวโน้มเป็นไปในทางที่ดีกว่า ก็เริ่มส่งใบสมัครได้เลย

เดือนไหนที่เหมาะสมในการเปลี่ยนงานใหม่

เมื่อได้ถามใจตัวเองและได้เหตุผลที่แน่ชัดในการเปลี่ยนงานใหม่แล้ว คราวนี้มาดูช่วงเวลาที่เหมาะสมของปีกันบ้าง ว่าเดือนไหนที่ควรเริ่มส่งใบสมัครงาน หรือเดือนไหนที่อาจจะต้องชะลอไว้ก่อน

มกราคม กุมภาพันธ์

หลายคนยกให้ 2 เดือนแรกของปีเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมกราคม ที่หลายออฟฟิศเพิ่งเปิดทำการมาหลังจากหยุดยาวปีใหม่ จึงเป็นช่วงการเริ่มต้นใหม่หลายๆ อย่าง ทุกอย่างมักถูกดำเนินการไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะเรื่องของการคัดเลือกบุคลากรใหม่ ที่มีการนัดสัมภาษณ์อย่างรวดเร็ว แถมเป็นช่วงเวลาที่เหล่าผู้บริหารทีทำหน้าที่ฟันธงขั้นตอนสุดท้ายในการรับพนักงานใหม่อยู่ออฟฟิศกันซะเป็นส่วนมาก ก็จะทำให้ขั้นตอนการรับสมัครเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี บริษัทส่วนใหญ่มักมีการจัดสรรงบประมาณใหม่ รวมไปถึงงบประมาณด้านทรัพยากรบุคคล บางที่อาจชะลอการรับพนักงานใหม่ในช่วงปลายปี เพื่อรองบใหม่ในปีถัดไป ดังนั้นจึงทำให้ช่วงต้นปี เป็นช่วงที่คึกคักแบบสุดๆ อีกทั้งพนักงานหลายคนก็รอรับโบนัสในช่วงเดือนธันวาคม แล้วหางานใหม่เดือนมกราคม บริษัทต่างๆ ก็จะได้รับเรซูเม่เพิ่มมากขึ้นในช่วงต้นปีด้วย

มีนาคม เมษายน และพฤษภาคม

ช่วง 3 เดือนต่อมาของปี ยังถือเป็นช่วงเวลาทองในการสมัครงานใหม่อยู่เช่นกัน เพราะความนิยมในการจ้างพนักงานใหม่ช่วง 2 เดือนแรกอาจลากยาวมาถึงเดือนมีนาคม แม้บางที่จะมีการพิจารณารับพนักงานใหม่อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ใช่กับทุกบริษัท ที่บางครั้งมีคนส่งเรซูเม่เข้ามามากมายเหลือเกิน จนทำให้ดำเนินการภายใน 2 เดือนไม่ทัน

แต่ผู้สมัครงานก็ต้องเตือนตัวเองด้วยว่า คู่แข่งของคุณในช่วงต้นปีนั้นอาจมีมากเป็นพิเศษ ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูง จึงควรเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งานใหม่อยู่เสมอ และทำให้ดีที่สุด เพื่อให้มีชัยเหนือคู่แข่ง แต่ทางที่ดีเราอยากแนะนำให้คุณรีบส่งเรซูเม่อย่างช้าที่สุดภายในเดือนมีนาคม เพราะเดือนเมษายนจะมีวันหยุดยาวอย่างสงกรานต์รออยู่ ที่จะทำให้ขั้นตอนการพิจารณาพนักงานใหม่ต้องหยุดชะงัก จนทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะจบขั้นตอนนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนสงกรานต์

อีกทั้งหลายคนอาจเลือกที่จะใช้วันลาพักร้อนเพิ่มเติมให้ได้หยุดยาวมากขึ้น ฝ่ายบุคคลก็เช่นกัน พวกเขาจึงต้องเร่งขั้นตอนต่างๆ ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก็อาจทำให้คุณได้รู้ผลการสมัครงานที่เร็วขึ้นกว่าปกติ

มิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม

เดินทางมาถึงช่วงกลางปี อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสน้อยที่สุดในการเริ่มต้นหางานใหม่ เพราะบริษัทส่วนใหญ่มักมีการพิจารณารับพนักงานใหม่กันมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้ว จึงทำให้การเปิดรับพนักงานใหม่น้อยลงกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทต่างๆ จะไม่มีการเปิดรับพนักงานเลย เพราะบางครั้งก็อาจมีพนักงานเก่าที่ลาออกด้วยเหตุผลอื่นๆ จึงทำให้ตำแหน่งนั้นๆ ว่างลงในช่วงกลางปี

แต่คุณอาจต้องอาศัยความพยายามมากกว่าเดิม ถ้าคิดจะสมัครงานใหม่ช่วงนี้ หากมองในแง่บวกก็อาจเป็นข้อดีที่ใบสมัครงานอาจจะโดดเด่นและเข้าตาบริษัทต่างๆ ได้ไม่ยาก เพราะคู่แข่งน้อยและมีคนสมัครงานน้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ของปี ยิ่งถ้าเป็นตำแหน่งที่ว่างลงกะทันหัน แล้วบริษัทนั้นๆ ต้องการคนมาแทนแบบด่วนๆ การพิจารณาก็จะเร็วขึ้นตามไปด้วย

กันยายน ตุลาคม

สำหรับ 2 เดือนนี้หลายคนอาจคิดว่าน่าจะมีแนวโน้มคล้ายๆ กับ 3 เดือนในช่วงกลางปี แต่จริงๆ แล้วในเดือนกันยายนและตุลาคม ถือเป็น 2 เดือนที่ดูมีภาษีดีกว่าในการสมัครงานใหม่ เพราะเมื่อหมดช่วงเดือนสิงหาคมไปแล้ว ขั้นตอนการสรรหาพนักงานใหม่จะกลับมารวดเร็วอีกครั้ง เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริหารไม่ได้ใช้วันลาพักร้อนกันมากนัก จึงทำให้ขั้นตอนการสัมภาษณ์กลับมารันคิวได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง

พฤศจิกายน ธันวาคม

มาถึงช่วงเวลาปลายปีกับ 2 เดือนสุดท้าย ที่อาจบอกได้เลยว่า นี่ช่วงเวลาที่มีโอกาสน้อยที่สุดในการได้งานใหม่ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าบางบริษัทก็จะเริ่มหยุดการสรรหาพนักงานใหม่กันแล้ว เพื่อไปเริ่มต้นใหม่กันในปีถัดไป รวมไปถึงเรื่องของงบประมาณทรัพยากรบุคคลที่อาจถูกใช้จนเต็มโควต้า จนต้องรองบใหม่ของปีหน้า

อีกทั้งฝ่ายบุคคลและผู้บริหารก็เริ่มวางแผนในการลาพักร้อนหรือรีบใช้วันลาให้หมดก่อนสิ้นปี ก็จะทำให้ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ล่าช้าไปอย่างเห็นได้ชัด หากใครคาดหวังที่จะถูกเรียกให้ไปสัมภาษณ์งานช่วงนี้อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย และทำใจว่าใบสมัครงานของคุณอาจถูกดองไว้ไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้า

ปลายเดือนธันวาคม

แถมให้อีกนิดกับช่วงเวลาที่หลายคนอาจละเลยไป แต่นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีและเทคนิคที่ดีอีกหนึ่งอย่างในการสมัครงาน คือก่อนหยุดยาวปีใหม่ให้คุณลองส่งใบสมัครงานไปทิ้งไว้กับบริษัทที่คุณสนใจเลย เพราะเมื่อเปิดปีใหม่มาแล้ว ใบสมัครงานของคุณก็จะได้อยู่ในลำดับต้นๆ ในการคัดกรองใบสมัครงานของฝ่ายบุคคล จนได้รับการเรียกสัมภาษณ์ในช่วงเดือนมกราคม ก่อนจะได้เริ่มงานในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมเป็นลำดับต่อมา

สรุปช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนงานใหม่

ก่อนจะเลือกช่วงเวลาในการส่งใบสมัครงาน เราย้ำเสมอว่าคุณต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนทุกครั้ง ว่าที่ทำงานปัจจุบันและที่ทำงานใหม่ที่คุณกำลังจะไปสมัครงาน มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร อย่าใช้เพียงอารมณ์ชั่ววูบในการตัดสินใจ เมื่อพิจารณาดีแล้วก็สามารถเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมได้เลย แต่ก็ไม่ควรยึดติดกับช่วงเวลาต่างๆ มากจนเกินไปด้วยเช่นกัน หากพบว่ามีประกาศรับสมัครงานโผล่ขึ้นมา แต่ดันเป็นช่วงกลางปี ก็อย่าคิดมาก แต่ให้รีบส่งใบสมัครไปก่อนเลย จะได้ไม่เป็นการปิดกั้นโอกาสของตัวเอง แล้วอย่าลืมเตรียมเรซูเม่และซ้อมการสัมภาษณ์งานใหม่ จะได้พลาดในทุกขั้นตอน เพื่อโอกาสที่สดใสในบริษัทใหม่ของคุณ

หากใครตัดสินใจแล้วว่าอยากเปลี่ยนงานใหม่ เข้ามาฝากโปรไฟล์หรือค้นหางานที่ชอบ บริษัทที่ใช่กับ Jobsdb ได้เลย ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า​

More from this category: สมัครงาน

เรียกดูคำค้นหาที่ได้รับความนิยม

ทราบหรือไม่ว่าผู้สมัครค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไรใน Jobsdb? สำรวจคำค้นหาที่ได้รับความนิยมเพื่ออัพเดทเทรนด์ใหม่เสมอ

สำรวจหัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เลือกสิ่งที่สนใจเพื่อเรียกดูอาชีพที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับคำแนะนำด้านอาชีพ

รับคำปรึกษาด้านอาชีพจากผู้เชี่ยวชาญส่งตรงถึงอินบ็อกซ์ของคุณ
ท่านได้ยอมรับคำประกาศเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ท่านได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อยินยอมให้ Jobsdb และบริษัทในเครือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถยกเลิกได้ทุกเวลา