เมื่อเราอยู่ในยุคโควิดการ Work From Home (WFH) จึงเป็นสิ่งจำเป็น และกลายเป็นเทรนด์แห่งโลกการทำงานไปในที่สุด จนหลายๆ ที่ได้พิสูจน์แล้วว่าการ WFH ก็มีประสิทธิภาพไม่แพ้การทำงานในออฟฟิศเช่นกัน แม้ตอนนี้สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงแล้ว จนหลายๆ องค์กรต่างๆ ทยอยให้พนักงานกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศ แต่ก็ยังมีบางออฟฟิศที่เริ่มปรับตัวเข้ากับเทรนด์ใหม่ ให้พนักงานสลับวันเข้าออฟฟิศกับวัน WFH อยู่
ทำงานที่บ้าน
ซึ่งบางครั้งการ WFH อาจทำให้หัวหน้าบางคน รู้สึกกังวลใจอยู่ว่าจะบริหารหรือดูแลลูกน้องในช่วง WFH ได้อย่างไร จะจัดการอย่างไรให้งานออกมามีคุณภาพ และจะซื้อใจลูกน้องได้อย่างไร ไม่ให้เขารู้สึกกดดันจนเกินไป มาหาคำตอบไปพร้อมกัน
อันดับแรกเลยหัวหน้าควรเริ่มต้นด้วยความไว้ใจก่อน เพราะแน่นอนว่าการ WFH เราจะไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาตลอดเวลา เหมือนช่วงที่ทำงานในออฟฟิศ เราควรเชื่อใจลูกน้องในระดับหนึ่ง เพราะในวัยทำงาน ทุกคนย่อมมีวุฒิภาวะอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
ดังนั้นเราควรจะวัดที่ผลงานที่ออกมาเป็นหลัก ยิ่งถ้าลูกน้องคนไหนที่ส่งงานตรงเวลา มีคุณภาพ แม้จะอยู่ในช่วง WFH ก็ตาม เรายิ่งต้องให้ความเชื่อใจกับคนนี้ให้มากกว่าเดิม เพราะอย่างน้อยเขาก็แสดงให้เราเห็นว่าเขามีประสิทธิภาพพอ แถมยังจะช่วยให้การทำงานเป็นอย่างลื่นไหลกว่าเดิมอีกด้วย
ส่วนลูกน้องคนไหนที่ยังแอบดื้ออยู่บ้าง ก็ควรตกลงให้ชัดเจนว่าถึงเรื่องขอบเขตของการทำงาน รวมไปถึงเดดไลน์ว่าคือเวลาไหน เพื่อเป็นการกระตุ้นเขาไปในตัว ว่าเขาไม่สามารถอู้ได้ แม้จะทำงานอยู่ที่บ้าน และเมื่อเขาสามารถส่งงานได้ตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ จึงค่อยหยิบยื่นความไว้ใจให้ พร้อมกับความยืดหยุ่นที่มากขึ้น
หัวใจหลักสำคัญในการซื้อใจลูกน้องช่วง WFH คือความยืดหยุ่นนี่แหละ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ควรมีการกำหนดเป้าหมาย ขอบเขตการทำงาน และเดดไลน์ให้ชัดเจน เมื่อคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกน้องในการส่งงาน โดยที่เราไม่ต้องคอยจับจ้องว่าเวลานี้ เขาจะแอบอู้ไหม แอบไม่ทำงานหรือเปล่า เพราะเขาต้องบริหารเวลาด้วยตัวเอง
แต่ถ้าหากถึงเวลาแล้ว ยังไม่ส่งงานตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ จึงค่อยมีการตักเตือนหรือบทลงโทษที่เหมาะสมต่อไป
ก่อนที่จะ WFH ควรมีการประชุมทีมหนึ่งครั้ง เพื่อกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกันในการทำงาน รวมไปถึงขั้นตอนการทำงานต่างๆ ที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างสบายใจ โดยเราอาจให้ลูกน้องร่วมกันเสนอไอเดียต่างๆ ด้วย เพื่อให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม หากไอเดียของพวกเขาผ่าน ก็จะทำให้เขายอมรับเป้าหมายนั้นได้ง่ายขึ้น
โดยวิธีนี้สามารถนำมาใช้ได้กับพนักงานทุกระดับและทุกคน เพราะพนักงานย่อมรู้สึกดีเสมอที่ไอเดียของตัวเองได้ยกมาเป็นหนึ่งในเป้าหมายของความสำเร็จในการทำงาน ซึ่งสิ่งนี้นี่แหละที่จะช่วยให้ลูกน้องมีความ Productive ยิ่งขึ้นในช่วง WFH ในแบบที่เราไม่ต้องตามจิกเลย
ปัญหาหลักของช่วง WFH คือเรื่องการสื่อสารนี่แหละ เพราะถ้าทำงานที่ออฟฟิศ อยากคุยกับใครก็เดินไปหาที่โต๊ะกันได้แบบง่ายๆ และรวดเร็ว แต่พอ WFH ปุ๊บ จะคุยกันทีก็ยากขึ้นกว่าเดิม ต้องอาศัยการโทรศัพท์หรือแชทผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นหลัก บางทีเป็นเรื่องด่วน แต่คนนั้นกลับตอบช้าก็ไม่ทันใจอีก
ดังนั้นในแต่ละวันควรมีการประชุมวิดีโอคอลแบบ Catch Up กันก่อนเริ่มงาน เพื่ออัปเดตงานของแต่ละคน จุดนี้อาจช่วยลดการปัญหาในการตามงานระหว่างวันลงได้ แต่ทางที่ดีเราควรอยู่ใกล้โทรศัพท์มือถือของเราอยู่ตลอดเวลา หากมีงานด่วนงานแทรก จะได้จัดการได้แบบทันท่วงที และไม่พลาดการติดต่อ
สานต่อจากข้อด้านบน หากอยากให้การติดต่อลื่นไหล ก็ควรมีตัวช่วยด้านเทคโนโลยีที่ดีเข้ามาด้วย เพราะเครื่องมือ แอปพลิเคชัน หรือโปรแกรมต่างๆ จะเบาแรงในการสื่อสารของเราได้เยอะเลยทีเดียว ซึ่งในยุค WFH นี้ ก็มีเครื่องมือและแอปพลิเคชันให้เลือกหลายตัวเลยทีเดียว เช่น Google Chat, Google Meet, Zoom, Microsoft Team, Slack และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนเรื่องของงานเอกสาร ก็มักนิยมใช้ Google Docs กัน เพราะสะดวกมากในการแก้ไขงานแบบออนไลน์ ซึ่งจะเป็นเรียลไทม์และรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทางที่ดีควรมีโปรแกรมเหล่านี้ไว้ในโทรศัพท์มือถือ หากต้องมีช่วงที่ไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็จะช่วยให้สื่อสารไม่ขาดตอน และรับทราบปัญหาได้รวดเร็วขึ้น
อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ผู้บริหารควรให้ความสำคัญในช่วง WFH ก็คือผลลัพธ์ของงานที่ออกมา มากกว่าที่จะไปสนใจเรื่องราวระหว่าง เช่นการเช็คอินเวลาเข้า-ออกงาน การคอยจับผิดลูกน้องว่าจะแอบอู้ระหว่างวันหรือไม่
แต่แนวคิดนี้ก็จะไปสอดคล้องกับข้อมูลข้างต้นที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า ทั้งหัวหน้าและลูกน้องควรกำหนดแนวทางการทำงานให้ชัดเจนร่วมกันก่อนที่จะ WFH และให้ลูกน้องได้มีส่วนร่วมในการเสนอไอเดียมากที่สุด เพราะเขาก็จะสามารถยอมรับเงื่อนไขที่เกิดขึ้นได้
จุดนี้ก็จะช่วยให้ลูกน้องรู้สึกมีอิสระ ก่อให้เกิดความสุข เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น ซึ่งเรื่องราวพวกนี้ถือเป็นตัวช่วยบรรเทาภาระของหัวหน้าได้ดีเลยทีเดียว เพราะเราจะได้ไม่คอยนั่งจับผิดลูกน้องด้วย
หัวหน้าบางคนที่เข้มงวดมักละเลยข้อนี้ไปแบบเนียนๆ บางคนคิดว่าการ WFH คือทำงานตอนไหนก็ได้ ตามงานตอนไหนก็ได้ แต่จริงๆ แล้วการ WFH ก็เป็นเพียงแค่การย้ายสถานที่ทำงานจากที่บริษัทไปเป็นที่บ้านแค่นั้น แต่เวลาทำงานก็ยังต้องเป็นไปตาม Office Hours
ดังนั้นก่อนการ WFH หัวหน้ากับลูกน้องควรมีการกำหนดเงื่อนไขกันให้ชัดเจน เพื่อเคารพความเป็นส่วนตัวของทั้งฝ่าย ว่าจะเริ่มงานกี่โมงและเลิกงานกี่โมง หัวหน้าบางคนที่ใจดีหน่อย ก็อาจมีการยืดหยุ่นเวลาเข้า-ออกงานบ้าง เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้ลูกน้อง
ส่วนสิ่งที่หัวหน้าไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด คือการตามงานลูกน้องนอกเวลา Office Hours ทั้งตอนเช้าตรู่หรือช่วงค่ำหลังเลิกงานไปแล้ว ก็ไม่ควรทำ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นวันหยุด ยิ่งไม่ควรทำเป็นอันขาด เพราะทุกคนล้วนต้องมีเวลาให้เรื่องส่วนตัวด้วยกันแทบท้งสิ้น เพราะถ้าหัวหน้าตามงานลูกน้องนอกเวลางาน อาจเป็นการสร้างความกดดันให้ลูกน้องในทางอ้อมได้
แม้สถานการณ์โควิดจะเบาลงแล้ว แต่ยอดผู้ติดเชื้อก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าคนรอบตัวเรา ต่างก็ต้องมีคนรู้จักที่เคยติดโควิดแล้วทั้งสิ้น บางทีลูกน้องหลายคนอาจจะยังเครียดกับเรื่องนี้อยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นจึงควรหาเวลาคุยกับพวกเขาในเรื่องอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการอัปเดตงานดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการถามไถ่เรื่องสุขภาพ หรือชวนคุยเรื่องไลฟ์สไตล์อื่นๆ ให้พวกเขาได้รู้สึกผ่อนคลาย และไม่กดดันในสถานการณ์อันตึงเครียดนี้
นอกจากนี้ยังอาจมีการเพิ่มช่วงพักระหว่างให้แก่ลูกน้องได้เช่นกัน อาจจะไม่ต้องฟิกซ์เวลาว่าตอนไหน แต่ให้เราเขามีอิสระมากขึ้น หรือจะเป็นการจับกลุ่มวิดีโอคอลคุยเรื่องสนุกสนานกันในทีมแบบที่เคยคุยเล่นในออฟฟิศ เพื่อจะได้คงความสัมพันธ์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และต้องอย่าลืมว่าบางทีการ WFH ไปนานๆ ก็อาจจะก่อให้เกิดการ Burn Out ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ต่อเนื่องในทีม ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ
เรื่องราวของการใส่ใจลูกน้องในดีเทลเล็กๆ ที่นอกเหนือจากเรื่องาน ถือเป็นการตัวช่วยชั้นดีเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเขารู้สึกสบายใจ ก็จะช่วยให้เขามีแรงใจในการทำงานและส่งงานได้ตามกำหนด แม้จะ WFH อยู่ก็ตาม
แม้สถานการณ์โควิดจะอยู่กับเรามี 2 ปีแล้ว เทรนด์การ WFH ก็เช่นกัน ที่อยู่คู่กับมนุษย์เงินเดือนมาพร้อมๆ โควิด ซึ่งตอนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่แล้ว แต่หัวหน้าที่ดีก็ควรจะมีการศึกษาเพิ่มเติมไว้ตลอด โดยการเทคคอร์สเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารงานแบบ Remote Working เราจะได้นำมาปรับใช้กับการ WFH ในทีมได้เป็นอย่างดี และเข้าใจลูกน้องได้มากขึ้นอีกด้วย
การ WFH ก็คือแนวการทำงานในยุคนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นมนุษย์เงินเดือนทุกคนควรปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ให้ได้ ควรสร้างตรงกลางให้ได้ระหว่างเรื่องของความตั้งใจและความยืดหยุ่น เพราะเราเชื่อว่าถ้าผสมผสานทุก 2 อย่างเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะนั่งทำงานอยู่ที่ไหน ผลลัพธ์จะต้องออกน่าพอใจแน่นอน เพราะทุกคนได้ใช้ใจจริงๆ ในการทำงาน
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
เลือกงานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ ด้วยการค้นหางานที่ง่ายและรวดเร็ว พร้อมทั้งจัดการเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณอัปโหลด ดู และลบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การใช้งานแสนง่าย ด้วยระบบ AI ใหม่ ช่วยค้นหางานที่ตรงใจมากขึ้นถึง 6 เท่า
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/work-from-home-pm2-5/
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/work-from-home-%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad/
https://th.jobsdb.com/th-th/articles/%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9e%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%99-work-from-home/