การออมเป็นการสะสมเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น เมื่อท่านหรือครอบครัว เกิดปัญหาทางการเงิน เช่น ท่านถูกไล่ออก จากงานทำให้ขาดรายได้ หรือประสบกับภาวะเงินเฟ้อทำให้รายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือท่านอยู่ในช่วงหลังการเกษียณอายุหากท่านมีเงินออมไว้มากพอ ท่านก็จะไม่ประสบกับปัญหาทางการเงินมากนัก จำนวนเงินออมที่เหมาะสมขึ้นกับแต่ละบุคคล และแต่ละครอบครัว โดยจะแตกต่างกันไปตามสภาวะแวดล้อม ความเป็นอยู่ รวมถึงนโยบายในการวางแผนทางการเงิน เหตุผลที่สำคัญในการออม ก็คือ ท่านจะมีเงินสำรองไว้ ใช้ในกรณีฉุกเฉินมากขึ้นอาจจะมีผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยหรือเงินปันผลเพิ่มขึ้นจากที่ท่านนำเงินไปลงทุนในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล การซื้อหลักทรัพย์ หรือการซื้อกองทุน เป็นต้น
การที่เราจะออมเงินมากขึ้น หรือลดลงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ผลตอบแทนที่ผู้ออมได้รับจากการออมกล่าวคือ ยิ่งผลตอบแทนในการออมมากขึ้นเท่าใด ก็จะเป็นสิ่งดึงดูดใจให้มีการออมมากขึ้นเท่านั้น
- มูลค่าอำนาจซื้อของเงินในปัจจุบันผู้ออมจะตัดสินใจทำการออมมากขึ้นจากการพิจารณาถึงอำนาจซื้อของเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ว่าไม่มีความแตกต่างจากมูลค่าของเงินในอนาคตมากนัก กล่าวคือ เงิน 100 บาทในวันนี้สามารถซื้อสินค้าและบริการได้ในจำนวนใกล้เคียง หรือเท่ากับการใช้เงิน 100 บาทในการซื้อสินค้าและบริการในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
- รายได้สุทธิส่วนบุคคลกล่าวคือ ผู้ที่มีรายได้น้อยก็จะมีอัตราส่วนในการออมน้อยลงไปด้วย
- ความแน่นอนของจำนวนรายได้ในอนาคตภายหลังการเกษียณอายุกล่าวคือ ถ้าท่านเห็นว่ารายได้ในอนาคตเป็นจำนวนที่เพียงพอ ในการใช้จ่ายในอนาคต การออมในปัจจุบันจะมีจำนวนน้อยลง อย่างเช่น ถ้าท่านทำงานรับราชการ ภายหลังการเกษียณอายุท่านก็ จะมีบำเหน็จ บำนาญไว้ใช้จ่าย
ที่มา : www.thaitrainingzone.com