คนทำงานอาจมีบางช่วงเวลาที่งานรัดตัว แต่ก็ยังมีงานเข้ามาเพิ่ม หรือมี เพื่อนร่วมงาน ไหว้ วานขอความช่วยเหลือจากเรา ซึ่งเรามักลำบากใจที่จะปฏิเสธ จริง ๆ แล้วการปฏิเสธไม่ใช่เรื่องผิด มันไม่ได้ทำให้เราดูเป็นคนขี้เกียจหรือแล้งน้ำใจ หาก ณ เวลานั้นเรามีสิ่งที่จะต้องโฟกัสและทำให้เสร็จก่อน เราจึงควรเรียนรู้และปฏิเสธให้เป็น แต่จะปฏิเสธอย่างไรไม่ให้เสียน้ำใจ ลองทำตามวิธีการที่เรานำมาฝากต่อไปนี้
- บอกว่าคุณก็อยากช่วย แต่ตอนนี้คุณมีงานเต็มหน้าตักแล้วถ้าไม่ใช่ช่วงที่งานโหลด คุณก็ยินดีทำให้ และอาจชี้แจงไปว่า คุณมีงานอะไรค้างอยู่บ้าง เกรงว่าจะทำให้ไม่ทัน หากต้องรีบใช้
- ไม่ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่แจ้งว่า อีกกี่วันจึงจะทำให้ได้ สามารถรอได้หรือไม่คุณควรบอกเขาไปว่างานที่คุณมีอยู่จะเสร็จเมื่อไร และจะสามารถเริ่ม ทำงาน ให้เขาได้วันไหน เพื่อให้เขาประเมินว่า เขาสมควรจะรอ หรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทน
- ไม่รับปาก แต่ถ้ามีเวลาจะดูให้อย่ารับปากเพราะความเกรงใจ หากคิดว่าไม่สามารถทำให้ทันได้ เพราะผลเสียจะตกที่คุณเอง การแบ่งรับแบ่งสู้เป็นสัญญาณของการปฏิเสธวิธีหนึ่ง ที่บอกเขาว่า อย่าคาดหวัง
- แนะนำคนที่คาดว่าจะช่วยเขาได้ดีกว่าคุณหากคุณไม่สามารถ ช่วยเขาได้จริง ๆ คุณอาจแนะนำให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นที่น่าจะช่วยเขาได้ ดีกว่าที่จะปล่อยให้เขาเคว้งคว้างเมื่อได้รับการปฏิเสธจากคุณ
การปฏิเสธเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝน เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปด้วยความนุ่มนวล ไม่สร้างความรู้สึกคับข้องใจต่อผู้ฟัง นอกจากนี้ การที่เรารู้จักปฏิเสธยังช่วยให้เรามีเวลาโฟกัสกับงานแต่ละงานให้ออกมาดีที่ สุด ไม่ต้องเร่งรีบเพื่อระบายงานให้เสร็จ ๆ ไปซึ่งอาจเกิดความผิดพลาดตามมาได้
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
7 ไอเดียช่วยจำสำหรับคนทำงาน
การบริหารเวลาในหนึ่งวันให้คุ้มค่าที่สุด