ปัจจุบันมีค่านิยมใน การทำงาน แบบเน้น Work Smart ว่าช่วยให้คนทำงานมีความคิดสร้างสรรค์ไม่เคร่ง เครียดกับงาน มากเกินไป ในขณะเดียวกันก็มีบางส่วนมองว่า การทำงานแบบ Work Hard คือความตั้งใจทุ่มเทให้งาน ทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพ แล้วอย่างนี้คนทำงานอย่างเรา ๆ จะทำงานแบบไหนดีถึงจะก้าวไปสู่ ความสำเร็จ ในหน้าที่การงานกันนะ
เช็คลิสต์คุณทำงานแบบ Work Hard หรือเปล่า
1. เลิกงานดึก/ ปิดออฟฟิศ
ในขณะที่คนทำงานคนอื่น ๆ ต่างทยอยกันกลับบ้าน เมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่คนทำงานแบบ Work Hard จะยังคงนั่งปั่นงานต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะคนทำงานประเภทนี้จะมีงานเยอะอยู่ตลอดเวลา ทำงานชิ้นหนึ่งเสร็จ ก็จะมีงานชิ้นอื่น ๆ ต่อคิวให้ทำอีกหลายต่อหลายชิ้น จนทำให้คนทำงานแบบ Work Hard ต้องอยู่ทำงานต่อที่ออฟฟิศจนดึก หรือประเภทมาเช้ากลับดึกค่ะ
2. หอบงานกลับบ้าน
ถึงแม้จะอยู่ทำงานที่ออฟฟิศจนดึก แต่งานก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จ คนทำงานแบบ Work Hard จึงต้องหอบงานกลับไปทำต่อที่บ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางคืนหลังจากที่กลับมาจากออฟฟิศแล้ว หรือแม่แต่วันหยุดสุดสัปดาห์อย่างวันเสาร์-อาทิตย์ คนทำงานแบบ Work Hard ก็ยังคงเคลียร์งานต่อไปอย่างขมักเขม้นค่ะ
3. งานสำคัญที่สุด
การทำงานนี่แหละใช่ที่สุด สำหรับคนทำงานแบบ Work Hard ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่างานอีกแล้ว ใครจะไปไหน ทำอะไรก็ตาม แต่คนทำงานประเภทนี้เลือกทำงานดีกว่า ไม่ค่อยให้เวลากับ แฟน ครอบครัว หรือคนรอบตัว
4. ทุ่มเทเพื่องาน
คนทำงานแบบ Work Hard จะทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่ ถ้างานยังไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ก็จะยังคงทำงานต่อไป เพื่อให้งานลุล่วงไปได้ค่ะ
ผลจากการทำงานแบบ Work Hard
แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าทำงานแบบ Work Smart
1. เลิกงานตามเวลา
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน คนทำงานแบบ Work Smart ก็จะเก็บของกลับบ้านค่ะ อย่าเข้าใจผิดนะคะว่าคนทำงานประเภทนี้จะเป็นคนไม่ใส่ใจการทำงาน เพราะถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้านตรงเวลาเชียว แต่คนทำงานแบบ Work Smart นี้ เค้าสามารถจัดสรร บริหารเวลาระหว่างเวลาการทำงาน และเวลาส่วนตัวได้อย่างสมดุลต่างหากล่ะคะ
2. วางแผนงานเป็นระบบ
สาเหตุที่คนทำงานแบบ Work Smart จัดสมดุลชีวิตกับงานของตัวเองได้ ก็เพราะคนทำงานประเภทนี้เค้ามีการ วางแผนการทำงาน อย่างเป็นระบบค่ะ คนทำงานพวกนี้เมื่อได้รับมอบหมายงานมาก็จะนำมาวิเคราะห์ จัดเรียงลำดับความสำคัญของงาน กำหนด timeline และ deadline เพื่อให้ได้ทราบว่างานอะไรที่ต้องทำก่อนหรือทำหลังค่ะ
3. จัดการงานเป็นระเบียบ
เมื่อมีการวางแผนการทำงานแล้ว คนทำงานแบบ Work Smart ก็จะสามารถทำงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายมาได้อย่างเป็นระเบียบ เป็นขั้นเป็นตอนค่ะ งานที่สำเร็จออกมาก็จะเป็นผลงานที่สมบูรณ์
4. เวลางาน ทำงานเต็มที่
ในเวลางานคนทำงานแบบ Work Smart จะเต็มที่กับการทำงาน เพื่อให้งานแต่ละชิ้นสำเร็จตาม timeline และ deadline ที่ได้กำหนดไว้ และถ้าหากงานเสร็จก่อน deadline ที่กำหนด คนทำงานพวกนี้ก็ยังสามารถกลับมาตรวจทานงานได้อีกด้วยค่ะ
ผลจากการทำงานแบบ Work Smart
มาถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่าการทำงานทั้งสองแบบ ทั้ง Work Hard ทั้ง Work Smart ต่างก็มีข้อดีด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วว่าการทำงานแบบไหนที่จะตรงกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคุณที่สุด แต่จะดีกว่าไหม ถ้าคนทำงานสามารถนำเอาจุดเด่นของทั้งสองแบบมาผสมผสานกันโดยทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ เน้นการจัดสรรงานให้เป็นระบบ คิดวิเคราะห์ก่อนลงมือทำ โดยไม่ลืมที่จะใส่ใจสุขภาพของคุณด้วยน่าจะดีกว่านะคะ?
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ