เมื่อทำให้ Gen Y รู้สึกดีกับตัวเอง พวกเขาจะกระตือรือร้นมุ่งมั่น รั้งตัวเองให้อยู่ในวิถีที่ได้รับการยอมรับ
โครงสร้างประชากรในองค์กรที่เคยเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ไปเมื่อปีค.ศ. 2000 จากปัจจัยการมีประชากรใหม่เป็นคนทำงาน Gen Y เพิ่มจากเดิมเพียง Babyboom และ Gen X
จากการคละเคล้าที่เข้ากันไม่ได้ในวันนั้น ก่อนให้เกิดความพยายามนานา ผสานกับแรงผลักของแนวคิดทางการแข่งขันด้วยนวัตกรรม ก่อให้เกิดบรรยากาศ การทำงาน ที่คนต่างรุ่นเปิดใจเข้าหา และกร่อนวิถีการใช้ชีวิตร่วมให้ยืดหยุ่น ผ่อนคลาย และยอมรับความหลากหลาย ดังปรากฎการณ์ที่พบได้ทั่วทุกมุมโลกทุกวันนี้
คาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะหมุดหมายสำคัญในปีค.ศ. 2020Gen Y จะครองสัดส่วนเป็นประชากรส่วนใหญ่ ถึง 70%
จะก่อให้เกิดโฉมใหม่ในการจัดการองค์กรและทรัพยากรมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปมหาศาลกว่าต้นศตวรรษที่ 21 ชนิดพลิกผ่ามือ
โฉมใหม่ที่ว่าหมายถึงสภาพ การจ้างงาน ทางเลือกที่หลากหลาย ไม่ใช่การเป็นพนักงานประจำรับเงินเดือนแต่อย่างเดียว
โฉมใหม่ที่ว่ายังหมายถึงคนทำงานรุ่นใหม่ก้าวเป็น ผู้นำ องค์กรในแต่ละระดับชนิดเร่งโตแบบก้าวกระโดด ตามผลการทำงานและศักยภาพ โดยไม่ยี่หระกับอายุตัวหรืออายุการทำงานในองค์กรเช่นแต่เดิม
โฉมใหม่นั้น ยังหมายรวมถึงการบริหาร การพัฒนาและการใช้ชีวิตร่วมกันในองค์กรที่ “วัดตัวตัด” ไม่ใช้รูปแบบ ค่าตอบแทน หรือการบริหารชนิดเดียวกันไปทั้งหมด หากแต่คำนึง ถึงรูปแบบการใช้ชีวิต ตัวตน รสนิยม และเป้าหมายการใช้ชีวิตของคนทำงานแบบเฉพาะราย
เพราะเหตุประการสำคัญที่ว่า คนทำงาน Gen Y ไม่ได้มีความจงรักภักดีกับองค์กร เชื่อมั่นในการจ้างงานตลอดชีพ ยึดถือความมั่นคงในการทำงานเป็นสรณะเหมือนคนรุ่นก่อนหน้า
จะเห็นได้จากผลสำรวจ Gen Y ที่ว่า 52.3%ของคนทำงาน Gen Y ในออสเตรเลีย เชื่อว่าเป็น “เรื่องง่าย”ถึง “ง่ายมาก”ที่จะ หางาน ใหม่ เทียบกับคนรุ่น Babtboom 43%ที่เห็นเป็นเช่นนั้น
แม้ความเชื่อจะเป็นทัศนะที่ก้ำกึ่งระหว่างข้อเท็จจริงและความรู้สึก หากแต่ทรงพลังพอที่ส่งแรงผลักให้คนทำงาน Gen Y หันหลังให้กับความสัมพันธ์การจ้างงานที่เขาเห็นว่า ไม่มีคุณภาพพอ
แล้ว ที่ทำงาน แบบไหนที่จะร้อยใจคน Gen Y ได้ ทำให้เขามีแรงจูงใจที่ลุกขึ้นไปทำงานวันจันทร์อย่างกระตือรือร้น เช็คอินที่ทำงานในสังคมเสมือนด้วยความภาคภูมิใจ ทำงานเต็มแรงกำลังด้วยความรู้สึกร่วมเป็นส่วนหนึ่งและเป็นเจ้าของ?
สร้างความตื่นใจไม่ว่าองค์กรจะสร้างภาพลักษณ์ในสายตาผู้เกี่ยวข้องเช่นไร แต่ความจริงที่ Gen Y สัมผัสจะต้องตื่นเต้น เร้าใจ แปลกใหม่อย่างมีคุณค่าในมุมมองของ Gen Y นับแต่เริ่มสัมผัส ตลอดถึงทุกระยะของการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงาน นามบัตร การจัดพื้นที่ทำงาน ความยืดหยุ่นของระยะเวลาการทำงาน สวัสดิการที่ใช้ได้จริงและร่วมสมัย กิจกรรมที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการยกย่องชมเชยในรูปแบบเฉพาะรายที่น่าจดจำ อาทิ Hall of fame ในพื้นที่ที่ผู้เกี่ยวข้องทางธุรกิจได้รับรู้อย่างทั่วถึง
ทำให้เขาชื่นชมตัวเองแม้ Gen Y จะดูเหมือนว่ามั่นใจในตัวเองเกินพอ แต่ลึกๆ แล้วยังไม่ความหวั่นไหว กระหายการยอมรับและชื่นชม การจะทำอะไรให้เจนวาย จึงไม่สำคัญเท่าการทำให้พวกเขารู้สึกเช่นไรกับตัวเอง หัวหน้า โดยตรงและองค์กรจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับความพยายามทุ่มเท ความสามารถที่เปล่งประกาย และผลงานที่เป็นเลิศ เพื่อที่จะชื่นชมยกย่องอย่างทันท่วงทีและให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป
เมื่อทำให้ Gen Y รู้สึกดีกับตัวเอง พวกเขาจะกระตือรือร้นมุ่งมั่น และพยายามรั้งตัวเองให้อยู่ในวิถีที่เคยได้รับการยอมรับเช่นนั้น
สร้างที่ทำงานแห่งโอกาสบ่อยครั้งที่ Gen Y ยอมรับว่ายังไม่รู้จักตนเองและยังพยายามค้นหาเรื่อยไป การทดลองเพื่อผิดพลาด ล้มเหลวและลองใหม่อีกครั้ง นับเป็นเรื่องสูญเสียพลังงานและกำลังใจทั้งของคนทำงานและที่ทำงาน จึงควรออกแบบงาน การมอบหมายงาน ในเชิงข้ามสายงาน แทนที่จะรัดตายตัว ยิ่งในองค์กรที่มีโอกาสการทำงานหลากหลาย ควรให้ Gen Y ในหน้าที่ งาน หนึ่งมีโอกาสในทำงานในสายงานอื่น ๆ เพื่อค้นหาตนเอง องค์กรเองก็สามารถสับเปลี่ยนหน้าที่และ ส่วนงานที่เหมาะสมกับ Gen Y ได้ โดยไม่ต้องจบความสัมพันธ์การจ้างงานและเริ่มใหม่เสมออย่างที่แล้วมา
การจะสร้างประสบการณ์ใหม่ในการทำงานเพื่อครองใจ Gen Y นั้น แม้จะปฏิเสธได้ยากว่าปัจจัยที่จับต้องได้อย่างค่าตอบแทนการทำงานนั้นสำคัญมาก แต่สิ่งที่สำคัญจำเป็นกว่านั้นคือการบริหารความรู้สึกของGen Y ทั้งความตื่นใจ ทำให้เขาชื่นชมตัวเองและให้โอกาสใหม่ ๆ เสมอ จึงจะสร้างเยื่อใยผ่านประสบการณ์ทางอารมณ์ที่หนักแน่นมั่นคง และหวังผลเป็นความรักทุ่มเทที่ลึกซึ้งได้
Gen Y ที่เปี่ยมด้วยความรักทุ่มเทต่อองค์กร จึงนับว่าเป็นขีดความสามารถใหม่ที่ใครก็มิอาจลอกเลียนทำซ้ำได้ และทรงพลานุภาพมหาศาลที่จะเสริมแรงขีดความสามารถอื่นที่มี ให้ที่ทำงานประสบความสำเร็จไม่ยาก ในทุกความท้าทาย ทุกความผันผวนปรวนแปร แม้กระทั่งโลกธุรกิจที่อึมครึมมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์เฉกทุกวันนี้
ที่มา : เสาวคนธ์ ศิรกิดากร www.bangkokbiznews.com
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ