เพราะพนักงานเป็น “ฟันเฟือง” สำคัญที่ ขับเคลื่อนองค์กร สู่เป้าหมายที่วางไว้ ในขณะเดียวกันองค์กรก็เป็น “อู่ข้าวอู่น้ำ” ให้พนักงานได้หารายได้มาหล่อเลี้ยงชีวิตประจำวัน ผลลัพธ์ที่ดีมากมายย่อมจะเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายมี “มิตรภาพ” ที่ดีต่อกัน ซึ่งจะขอยกบางตัวอย่างเพื่อยืนยันว่ามิตรภาพที่ว่านั้นสำคัญเพียงใด
ผลลัพธ์ของงานที่เพิ่มขึ้น
มิตรภาพที่ดีระหว่างองค์กรและพนักงานจะช่วย สร้างบรรยากาศในการทำงาน ที่ดี เพิ่มแรงจูงใจ และขวัญกำลังใจในการทำงานให้กับพนักงาน และเรามักพบว่าเมื่อองค์กรเล็งเห็นความสำคัญของการลงทุนพัฒนาความสัมพันธ์กับพนักงาน หรือที่เราเรียกกันว่า Employee Relation แล้ว บุคลากรมักจะปฏิบัติงานได้ผลลัพธ์ (หรือ productivity) ที่เพิ่มสูงขึ้น และแน่นอนว่านั่นก็หมายถึง “รายได้” และ”ผลกำไร” ของบริษัทที่จะสูงขึ้นตามมา
พนักงานจงรักภักดีต่อองค์กร
ฝ่ายบุคคลขององค์กรคงต้องนั่งก่ายหน้าผาก หากต้องสาละวนจัดจ้างบุคคลมาทดแทนพนักงานเก่าที่ลาออกไปอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงสามสี่เดือนอันตรายหลังจ่ายโบนัส องค์กรเองก็ต้องแบกรับกับค่าใช้จ่ายและสูญเสียเวลาในการดำเนินการที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเผชิญความเสี่ยงกับการหยุดชะงักทางธุรกิจ เนื่องจากคนใหม่ยังขาดทักษะและประสบการณ์
สัมพันธภาพอันดีกับพนักงานจะช่วยลดปัญหาดังกล่าว เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่น่าอภิรมย์ในที่ทำงานจะช่วยเพิ่มความจงรักภักดีของพนักงานที่มีต่อองค์กร เมื่อรู้สึกพอใจและผูกพันกับองค์กรแล้ว พนักงานก็มีแนวโน้มที่จะอยู่กับองค์กรไปนาน ๆ การลงทุนในการสร้างมิตรภาพที่ดีกับพนักงานนั้นคุ้มค่าและอาจน้อยกว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการหาพนักงานทดแทนจำนวนมาก และยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจขององค์กรจะขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี ไม่มีสะดุด
ลดความขัดแย้ง
เมื่อพนักงานรู้สึกดีต่อองค์กร ความขัดแย้งต่าง ๆ ที่จะเกิดในที่ทำงานก็มีแนวโน้มลดลง แทนที่จะมานั่งจับกลุ่มตัดพ้อน้อยอกน้อยใจนายจ้าง หรือก่อตัวสมาคมลับ ๆ เพื่อประท้วงนายจ้าง สภาพแวดล้อมที่มีความสุขจะช่วยให้บรรดาพนักงานหันมาจดจ่อทำงานในหน้าที่ของตนแทน ซึ่งสิ่งที่จะได้ตามมาก็คือ “ผลิตภาพ” ในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น
งานวิจัยและผลสถิติต่างชี้ให้เห็นว่า “ คนทำงานที่มีความสุข คือคนทำงานที่จะสร้างผลลัพธ์สูง” ซึ่งนั่นก็จะส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจในเวลาต่อมา
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ