ชีวิตคนเรามีขึ้นก็มีลง #การทำงานก็เช่นกัน
ในโลกของ การทำงาน ทุกคนย่อมมีโอกาสจะผ่านพบกับช่วงจิตตกเป็นบางช่วงของชีวิต เพราะอะไร ๆ ในชีวิตก็ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ทุกวัน ไม่ว่าจะคุณจะเป็นน้องใหม่เพิ่งเข้าทำงาน หรือเป็นผู้บริหารตำแหน่งใหญ่โตก็ตาม สำหรับบางคนช่วงเวลาจิตตกอาจจะยาวนาน แต่สำหรับบางคนอาจจะมีความสามารถในการรับมือได้ดี ก็จะผ่านไปได้ในเวลาอันสั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามมันจะผ่านไป อยู่แค่ว่าเราจะมีวิธีต่อสู้กับจิตใจตัวเองอย่างไร วิธีการไม่ยากไม่ง่ายตามนี้เลยนะคะ
1. สำรวจให้ชัดว่าต้นตอของปัญหาคืออะไร
ก่อนจะแก้ปัญหา ก็ต้องรู้ปัญหาก่อน จะได้แก้ได้ถูกจุด บางทีปัญหาที่เราพบอาจเป็นปัญหาเล็กน้อยแค่เพียง เราต้องย้ายที่นั่งแล้วเราไม่ชอบนั่ง ณ จุดนั้น จนไปถึงปัญหาใหญ่โตระดับโดนโยกย้ายไปทำงานที่ไม่ถนัด วิธีการแก้ไขปัญหาก็แตกต่างกันไปตามระดับ บางปัญหาอาจแก้ได้ด้วยตัวเองบางปัญหาต้องหาทางแก้ด้วยการขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ดังนั้นควรมองให้ถ่องแท้ว่าปัญหาเกิดจากอะไร
2. หาแนวทางแก้ไขปัญหาให้เหมาะกับนิสัยส่วนตัวของตัวเอง
พอพบแล้วว่าปัญหาคืออะไร คุณก็จะเริ่มรู้แล้วว่าต้องแก้ตรงไหน สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ พยายามเลือกแนวทางแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับตัวเอง เช่น ถ้าคุณเป็นคนชอบพูดคุยเปิดอกกับฝ่ายตรงข้ามให้เคลียร์ แล้วเหตุของอาการจิตตกที่คุณเป็นตอนนี้เกิดจากคู่กรณีบางคน เช่น หัวหน้างาน หรือลูกน้อง ก็หาวิธีปรับความเข้าใจ ส่วนบางคนชอบแบบลืม ๆ ไปเอง ก็พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาที่ทำให้เราจิตตกสักพัก อาการจิตตกก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
3. ย้ายที่นั่ง
บางทีการที่เราเกิดอาการจิตตก อาจจะเกิดขึ้นจาก เราทำอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นเวลาต่อเนื่องนานจนเกินไป จนทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่าย ย้ายที่นั่งจะทำให้คุณได้รู้สึกเปลี่ยนบรรยากาศ เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของออฟฟิศ การ สร้างบรรยากาศในการทำงาน ใหม่ ๆ มีส่วนช่วยเป็นอย่างมากที่จะปรับเปลี่ยนให้รู้สึกดีขึ้นได้ แล้วอาการจิตตกของคุณจะดีขึ้น
4. จัดโต๊ะทำงานใหม่
บางออฟฟิศอาจไม่สามารถเคลื่อนย้ายที่นั่งได้เองตามใจชอบ เราก็ยังมีอีกวิธีการมานำเสนอค่ะ การ จัดโต๊ะทำงาน ใหม่ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เวิร์คสุด ๆ เพราะ โต๊ะทำงาน เป็นอะไรที่เราจะต้องสิงสู่อยู่ประจำ 5 วันต่อสัปดาห์ วันละอย่างต่ำ 8 ชั่วโมง จึงเป็นสถานที่ ที่มีผลต่อจิตใจคุณมากไม่แพ้ห้องนอนที่บ้านของคุณเลย หลักการง่าย ๆ ก็คือ อะไรที่ไม่ใช้ก็เก็บเข้ากล่องโยนทิ้งไปบ้าง อะไรที่ยังอยากเก็บ ก็เอามาจัดใหม่ให้เป็นหมวดหมู่ เช็ด ทำความสะอาดตู้โต๊ะให้สะอาดเรี่ยมเรไร และสำหรับคนที่แอดวานซ์กว่านั้น อาจจะไปศึกษาตำราฮวงจุ้ยบนโต๊ะทำงาน แล้วนำมาปรับภูมิทัศน์ให้เหมาะสมเสริมโชคชะตาตามความเชื่อก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ ดีไม่ดี จากจิตตกอาจได้รับโอกาสดี ๆใหม่ ๆ ก็เป็นได้
5. หาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม
เปิดใจเรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม ไม่เพียงแต่เป็นการแก้ปัญหาจิตตกเท่านั้น แต่ยังเป็นทางออกที่เป็นประโยชน์กับตัวคุณเองระยะยาวอีกด้วย อยากเรียนอะไรก็เรียนไปเลย เอาที่ชอบ อาจจะเป็นการลงคอร์สระยะสั้นนอกเวลางาน หรือแม้แต่แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนร่วมงานแบบเบา ๆ ก็ได้ เวลาที่คนเราเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ชอบ เราจะไม่มีเวลามานั่งคิด หรือหมกมุ่นในอารมณ์แห่งความจิตตก จนคุณจะลืมอารมณ์หน่วง ๆ เหล่านั้นไปในที่สุด
6. อดทนเวลาที่ฝนพรำ
สุดท้าย เป็นวิธีที่พูดง่าย แต่ทำยากที่สุด คือ อดทนกับช่วงเวลานั้นของตัวเองค่ะ บางทีทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เราจิตตกก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากสภาวะอารมณ์ช่วงหนึ่งของเราที่เกิดขึ้นเอง เป็นอีกหนึ่ง cycle ของชีวิตที่เราต้องผ่าน เมื่อหาแล้วไม่เจอสาเหตุ ก็ไม่มีอะไรต้องแก้ แค่เพียงอดทนเวลาที่ฝนพรำเท่านั้นเองค่ะ
ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง จิตตก ก็เป็นอารมณ์หนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป พยายามหาอย่างอื่นทำไม่ให้คิดมากจะดีที่สุด ยิ่งคิดก็ยิ่งนอยด์ นอยด์มากก็จะดูแก่เร็ว ปล่อยวางแล้วทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด รับรองแปปเดียวหายจิตตกแน่นอนค่ะ
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ