Key Takeaway
ในยุคปัจจุบันที่คนเก่งหาได้ทั่วไป แต่คนที่มี Growth Mindset ที่คิดบวก และมี Design Thinking นั้นกลายเป็นสิ่งที่หายาก เทรนด์การพัฒนาองค์กรยุคใหม่อย่าง Growth Mindset คืออะไร มีอะไรบ้าง สำคัญอย่างไรต่อชีวิตการทำงาน แล้ว Fixed Mindset VS. Growth Mindset ต่างกันอย่างไร บทความนี้มีคำตอบ!
Growth Mindset คือแนวคิดที่เชื่อว่าความสามารถพื้นฐาน ความรู้ และทักษะของมนุษย์สามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นฐานจากความเชื่อที่ว่าเราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาทักษะที่ไม่เคยมีให้กลายเป็นความเชี่ยวชาญได้ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมของตัวเองได้หากตั้งใจและพยายามอย่างจริงจัง
แนวคิดนี้เน้นย้ำว่ามนุษย์ไม่ควรหยุดการเรียนรู้และควรพร้อมพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยอาศัยความพยายามและประสบการณ์ที่สั่งสมมา ที่สำคัญคือต้องกล้าเผชิญกับความล้มเหลว รวมถึงพร้อมที่จะใช้ความพ่ายแพ้เป็นบทเรียนในการลุกขึ้นมาเรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไป
Growth Mindset เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาทั้งในระดับบุคคลและองค์กร โดยช่วยสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ที่เข้มแข็ง ส่งเสริมนวัตกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน แล้วลักษณะแบบไหนที่เรียกว่า Growth Mindset ไปดูกัน!
ต่อไปเป็นวิธีการสร้าง Growth Mindset เพื่อพัฒนาองค์กรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
การปลูกฝัง Growth Mindset ที่ดีในองค์กรต้องเริ่มจากการให้พนักงานเข้าใจถึงคุณค่าและผลกระทบที่มีต่อการพัฒนาตัวเอง ซึ่งประสิทธิภาพในการเรียนรู้จะเพิ่มขึ้นเมื่อพนักงานได้รับการสนับสนุน แรงจูงใจ และการยอมรับจากองค์กร
หลังจากพนักงานมีความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเองแล้ว พวกเขาจะเปิดรับโอกาสการเรียนรู้ใหม่ๆ กล้าที่จะเผชิญความท้าทาย และมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเติบโต ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาทักษะและความก้าวหน้าในอาชีพการงานอย่างต่อเนื่อง
องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ Growth Mindset จะมีการลงทุนในการพัฒนาพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ การซื้อหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้ หรือการจัดโปรแกรมเทรนนิงและโค้ชชิงที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะการเรียนรู้ผ่านผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจแนวคิด Growth Mindset อย่างลึกซึ้ง ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานด้วยแบบอย่างของความสำเร็จ
การพัฒนาศักยภาพของพนักงานต้องมองให้เกินกว่าเส้นทางอาชีพเดิม เพื่อมุ่งสู่การเลื่อนตำแหน่งตามลำดับขั้น และเพราะความไม่แน่นอนของสถานการณ์บ้านเมือง องค์กรจึงควรเน้นสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและพัฒนาทักษะให้กับพนักงาน เพื่อให้สามารถปรับตัวและเติบโตได้ในทุกสถานการณ์
แทนที่จะกำหนด Career Path แบบตายตัว องค์กรควรสนับสนุนให้พนักงานได้เรียนรู้ข้ามสายงาน ทดลองทำงานในโครงการที่หลากหลาย และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับอนาคต เพราะความสามารถในการปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่จะเป็นทักษะที่มีค่ามากกว่าความเชี่ยวชาญในงานเดิมเพียงอย่างเดียว
สำหรับองค์กรที่มี Growth Mindset การให้คำแนะนำและคำชมเชยต้องมีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากการวิจารณ์หรือชมเชยทั่วไป สำหรับการให้คำแนะนำ ต้องเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์หรือแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำลายความมั่นใจและนำไปสู่ความรู้สึกสิ้นหวังหรือไม่มีคุณค่า
ส่วนการชมเชยต้องลึกซึ้งกว่าแค่การปรบมือหรือกล่าวคำชื่นชมผิวเผิน แต่ควรยกย่องกระบวนการทำงาน วิธีคิด และความพยายามที่พนักงานทุ่มเทให้กับงาน เพราะสิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้พนักงานอยากแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และพัฒนาร่วมกันในองค์กรได้
การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมเปิดรับไอเดียใหม่ๆ เป็นองค์ประกอบสำคัญของ Growth Mindset โดยองค์กรต้องแสดงให้เห็นว่าทุกความคิดและความพยายามมีคุณค่า แม้ว่าบางครั้งอาจไม่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่กระบวนการระหว่างทางก็นำมาซึ่งการเรียนรู้และพัฒนา
บทบาทของหัวหน้างานมีความสำคัญมากในการสร้างสภาพแวดล้อมแบบนี้ พวกเขาต้องเปิดใจรับฟังไอเดียของพนักงานโดยไม่ด่วนตัดสินหรือปฏิเสธ แต่ควรใช้คำถามที่สร้างสรรค์เพื่อทำความเข้าใจและประเมินแนวคิดนั้นๆ อย่างรอบด้าน เช่น ประโยชน์ที่จะได้รับ ปัญหาที่จะแก้ไขได้ หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น
การมองความล้มเหลวในมุมมองใหม่เป็นหัวใจสำคัญของ Growth Mindset เพราะแทนที่จะมองว่าความผิดพลาดคือจุดจบหรือสิ่งที่ต้องถูกลงโทษ องค์กรควรมองว่านี่คือโอกาสอันมีค่าในการเรียนรู้และพัฒนา เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น สิ่งสำคัญคือการวิเคราะห์หาสาเหตุและบทเรียนที่ได้รับ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนในการทำงานและป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำในอนาคต
การลงโทษเมื่อเกิดความผิดพลาดอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะจะทำให้พนักงานกลัวที่จะริเริ่มสิ่งใหม่ๆ แต่หากองค์กรสามารถสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างให้เรียนรู้จากความผิดพลาด พนักงานจะกล้าที่จะแชร์ประสบการณ์และบทเรียนที่ได้รับ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กรในภาพรวม
ดร. แครอล เอส. ดเว็ค ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เป็นผู้บุกเบิกแนวคิด Growth Mindset ผ่านหนังสือ “Mindset: The New Psychology of Success” จากการวิจัยโดยการศึกษาพฤติกรรมของเด็ก 2 กลุ่มที่มีกรอบความคิดแตกต่างกัน เธอได้นิยามความแตกต่างระหว่างกรอบความคิดแบบพัฒนาได้ (Growth Mindset) และกรอบความคิดแบบตายตัว (Fixed Mindset) ไว้อย่างชัดเจน
กล่าวคือ Growth Mindset เป็นความเชื่อที่ว่าแม้มนุษย์จะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ ความถนัด และอุปนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ด้วยความพยายามและการสั่งสมประสบการณ์
ในทางตรงกันข้าม Fixed Mindset คือความเชื่อที่ว่าความสามารถและคุณลักษณะของตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ส่งผลให้ผู้ที่มีกรอบความคิดแบบนี้มักจะหลีกเลี่ยงความท้าทาย ไม่ชอบเผชิญกับความยากลำบาก ยอมแพ้ได้ง่ายๆ มองว่าความพยายามเป็นสิ่งไร้ค่า และมักจะปิดกั้นตัวเองจากคำแนะนำที่มีประโยชน์ของผู้อื่น
หากลองจินตนาการถึงองค์กรที่พนักงานทุกคนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนาของตัวเอง พร้อมเผชิญความท้าทายใหม่ๆ และมองความล้มเหลวเป็นโอกาสในการเติบโต เรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จในอนาคตมากๆ และนี่คือพลังของ Growth Mindset ที่สามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลการศึกษาจาก Harvard Business Review ยืนยันว่าพนักงานในองค์กรที่มี Growth Mindset มีความรู้สึกได้รับการสนับสนุนในการริเริ่มสิ่งใหม่และสร้างนวัตกรรมมากกว่า ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาในหลายๆ ด้าน ทั้งการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เพิ่มขึ้น ความสามารถในการปรับตัวที่ยืดหยุ่นขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น และการเรียนรู้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้องค์กรมีความได้เปรียบในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวนั่นเอง
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น มาดูตัวอย่างองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Growth Mindset กันดังนี้
Satya Nadella CEO ของ Microsoft นำแนวคิด Growth Mindset มาปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรของ Microsoft เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก โดยคำพูดที่ว่า “เปลี่ยนจาก Know-it-all เป็น Learn-it-all” สะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จากวัฒนธรรมที่เน้นการแสดงความเก่งและความรู้ที่มี มาสู่วัฒนธรรมที่เน้นการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ส่งผลให้ Microsoft สามารถปรับตัวเข้ากับยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และกลับมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการสร้าง Growth Mindset ในระดับองค์กรสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ
แนวคิด Moonshot Thinking ของ Google เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำ Growth Mindset มาประยุกต์ใช้ในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม โดยสนับสนุนให้พนักงานกล้าคิดนอกกรอบและท้าทายขีดจำกัด แทนที่จะกลัวความล้มเหลว Google ส่งเสริมให้พนักงานมองว่าความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้และพัฒนานวัตกรรม
ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จของโครงการ Self-driving Car ภายใต้ Google X ที่เริ่มต้นจากแนวคิดที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการทดลองและเรียนรู้จากความผิดพลาด ทำให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้อย่างสิ้นเชิง นี่คือพลังของการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริม Growth Mindset อย่างแท้จริง
Growth Mindset คือแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ โดยมีความเชื่อว่าความรู้ ความสามารถ หรือทักษะ สามารถพัฒนาและเติบโตได้ผ่านการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้เชื่อว่าทุกคนสามารถพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ด้วยความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
เมื่อองค์กรนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นให้พนักงานกล้าริเริ่มสิ่งใหม่ๆ เกิดการพัฒนาทั้งด้านนวัตกรรม การปรับตัว ประสิทธิภาพการทำงาน และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ความได้เปรียบในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว
มาตามหาองค์กรที่พร้อมสนับสนุนช่วยส่งเสริม Growth Mindset มาหางานออนไลน์ ที่ jobsdb เว็บไซต์ช่วยหางาน ที่จะช่วยให้ทุกกระบวนการการหางานให้สะดวก รวดเร็ว และได้ข้อมูลครบครัน