สมัยนี้จะหาพนักงานเก่ง ๆ มีความสามารถสูงเข้ามาทำงานด้วย ถ้ามีแค่เงินเดือนอาจจะไม่เพียงพออีกแล้ว เพราะพนักงานส่วนใหญ่ยังให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานของบริษัทไม่แพ้เงินเดือน หากบริษัทไหน benefit ดี ดูแลพนักงานดี เหล่า Talent ที่มีความสามารถก็อาจจะเลือกไปอยู่กับบริษัทนั้น แทนที่จะไปอยู่กับบริษัทที่เสนอเงินเดือนให้พอ ๆ กันแต่มีสวัสดิการให้พนักงานน้อยกว่า เรียกได้ว่าเรื่องของสวัสดิการและผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่องค์กรสามารถมอบให้พนักงานได้จะช่วยดึงดูด Talent หรือเหล่าแรงงานชั้นดีที่มีความรู้ความสามารถให้เข้ามาทำงานด้วยได้ไม่ยาก
ก่อนอื่นมารู้จักกับประเภทของสวัสดิการในประเทศไทยกันก่อน โดยสามารถแบ่งง่าย ๆ ได้เป็น 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
คือ การจัดสรรสวัสดิการในสถานประกอบการ ตามกฎหมายที่นายจ้างต้องจัดให้กับผู้ปฏิบัติงานซึ่งสวัสดิการตามกฎหมาย ซึ่งถูกกำหนดโดยกฎกระทรวงแรงงาน ว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ.2548 ซึ่งในกฎกระทรวงฉบับนี้จะพูดถึงสวัสดิภาพขั้นพื้นฐานของแรงงาน ซึ่งก็คือการจัดหาน้ำดื่ม ห้องน้ำ การปฐมพยาบาลและการรักษาพยาบาลในที่ทำงาน ที่นายจ้างจะต้องจัดหาให้กับลูกจ้าง โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามกฎหมายกำหนดให้สถานที่ทำงานต้องมีน้ำสะอาดสำหรับดื่ม 1 ที่ ต่อพนักงาน 40 คน เศษของ 40 คน ถ้าเกิน 20 คนให้ถือว่าเป็น 40 คน และห้องน้ำและห้องส้วม ที่จะต้องแยกชายและหญิง และถ้าหากมีลูกจ้างที่เป็นคนพิการ ก็ต้องจัดให้มีห้องน้ำสำหรับคนพิการโดยเฉพาะด้วย ซึ่งจำนวนห้องน้ำและห้องส้วม จะถูกแบ่งตามชนิดหรือประเภทของอาคาร ตัวอย่างเช่น อาคารสำนักงาน จะถูกกำหนดให้มีห้องน้ำสำหรับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะโดยแบ่งเป็นห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงอย่างละ 3 ห้อง และมีอ่างล้างมือแบ่งตามห้องน้ำชายและหญิง อย่างละ 1 อ่าง
ในสถานที่ทำงานที่มีพนักงานหรือลูกจ้างมากกว่า 10 คนขึ้นไป นายจ้างจะต้องจัดให้มีเวชภัณฑ์และยาเพื่อใช้ในการปฐมพยาบาลในจำนวนที่เพียงพอ อย่างน้อย 29 รายการ ดังนี้
และในสถานที่ทำงานที่มีลูกจ้างมากกว่า 200 คนขึ้นไป นอกจากจะต้องมีเวชภัณฑ์และยาอย่างน้อง 29 รายการตามลิสต์ด้านบนแล้ว ยังต้องมีห้องรักษาพยาบาลพร้อมเตียงพักคนไข้อย่างน้อย 1 เตียง เวชภัณฑ์และยานอกจากที่ระบุไว้ ตามความจำเป็นและเพียงพอแก่การรักษาพยาบาลเบื้องต้น พยาบาลตั้งแต่ระดับเทคนิคขึ้นไป ประจำอย่างน้อย 1 คน ตลอดเวลาทำงาน และแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งอย่างน้อย 1 คน เพื่อตรวจรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเมื่อรวมเวลาแล้วต้องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 6 ชั่วโมงในเวลาทำงาน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
นายจ้างอาจทำข้อตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อส่งลูกจ้างเข้ารับการรักษาพยาบาลกับสถานพยาบาลที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถนำลูกจ้างส่งได้โดยเร็ว เพื่อทดแทนการมีแพทย์ประจำที่ทำงานก็ได้ ซึ่งคำขออนุญาตใช้สถานพยาบาลแทนการจัดให้มีแพทย์ เราเรียกว่า แบบ กสว.1 และใบอนุญาตให้ใช้สถานพยาบาลแทนการจัดให้มีแพทย์ จะถูกเรียกว่า แบบ กสว.2
ซึ่งก็คือผลประโยชน์ที่นายจ้างหรือบริษัทมอบให้กับพนักงานเป็นพิเศษนอกเหนือจากสวัสดิการขั้นพื้นฐานตามกฎหมายที่พนักงานควรที่จะได้รับ และผลประโยชน์ตรงนี้เอง ที่หลายบริษัทแข่งกันจัดหาสวัสดิการพิเศษนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด เพื่อสร้างแรงจูงใจใช้ดึงดูดพนักงานที่มีความรู้ความสามารถสูง (Talent) ให้เข้ามาร่วมงานกับบริษัท โดยตัวอย่างของสวัสดิการนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดมีดังนี้
ประโยชน์จากการมอบสวัสดิการดี ๆ ให้กับพนักงานที่นอกเหนือไปจากการดึงดูดคนเก่ง ๆ ให้เข้ามาร่วมงานกับบริษัทได้แล้ว ยังเป็นการช่วยลดอัตราการลาออก (Turnover) ของพนักงานปัจจุบันอีกด้วย เพราะการที่บริษัทดูแลพนักงานดี ก็จะทำให้พนักงานมีความสุข มีแรงกายแรงใจไปทำงานให้มีประสิทธิภาพ และยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท จนกลายเป็นองค์กรที่ใคร ๆ ก็อยากเข้ามาทำงานด้วย
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ