นอกจาก ภาษี ที่ผู้มีรายได้ตามเกณฑ์จะต้องถูกหักทุกเดือนแล้ว เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมก็เป็นอีกหนึ่งรายจ่ายที่ชาวออฟฟิศหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในข้อบังคับทางกฎหมาย ซึ่งรวม ๆ แล้วยอดในแต่ละปีที่จ่ายไปก็เป็นเงินไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อเป็นสิ่งที่ต้องจ่ายกันอยู่แล้ว มาดูกันว่าสิทธิประกันสังคมอัปเดตปี 2566 มีอะไรบ้าง
สิทธิประกันสังคมเป็นหนึ่งในสวัสดิการของรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลผู้มีรายได้ คล้ายกับการทำประกันกับทางภาครัฐ เพื่อให้คนทำงานที่จ่ายเงินสมทบหรือเรียกว่า ผู้ประกันตน ได้รับความคุ้มครองในกรณีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเจ็บป่วย ออกจากงานทั้งออกเองและถูกให้ออก คลอดบุตร ประสบอุบัติเหตุ ชราภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตร
ผู้ประกันตน คือ ลูกจ้างอายุ 15-60 ปี หรือผู้ที่เกิน 60 ปีแต่นายจ้างยังคงจ้างต่อ และเป็นผู้ที่ทำงานประจำหรือไม่ได้ทำงานประจำก็ได้ เช่น ฟรีแลนซ์ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ฯลฯ ด้วยช่วงอายุที่กว้าง ความแตกต่างและความต้องการที่หลากหลายของผู้ประกันตน ประกันสังคมจึงมีแผนรองรับหลายแบบ ทั้งคนทำงานที่อยู่ในระบบและไม่อยู่ในระบบ ดังนี้
ผู้ประกันตนแต่ละมาตราได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ของกองทุนประกันสังคมแตกต่างกันไป มาดูกันว่าสิทธิของแต่ละมาตราคุ้มครองในด้านไหนบ้าง
สิทธิประกันสังคมมาตราเดียวที่คุ้มครองเรื่องนี้ เมื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 ตกงานทั้งเกิดจากการถูกเลิกจ้างหรือลาออกเอง จะได้รับเงินชดเชย
ทั้งนี้ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน
จะได้รับเงินสมทบค่าทำคลอดบุตรให้ครั้งละ 15,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง รวมทั้งได้รับเงินชดเชยร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ในช่วงระหว่างลาคลอด (ไม่เกิน 2 ครั้ง/ปี) ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนวันคลอดบุตร
สิทธิประโยชน์ประกันสังคมด้านทันตกรรมคือ การรักษาโรคฟัน การขูดหินปูน ถอนฟัน อุดฟัน หรือผ่าฟันคุด กรณีเหล่านี้ผู้ประกันตนตามมาตร 33 และ 39 จะสามารถใช้สิทธิ์ได้ไม่เกิน 900 บาท/ปี ส่วนการใส่ฟันเทียมหรือฟันปลอมสูงสุดไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ใส่ฟันเทียม ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนวันรักษา
รับสิทธิ์ตรวจสุขภาพฟรี 14 รายการต่อปี ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองการได้ยิน ตรวจเต้านม ตรวจดวงตา ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบ ตรวจไขมันและน้ำตาลในเลือด ฯลฯ รวมถึงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีฟรี เฉพาะผู้ประกันตนอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยทั้งหมดนี้ต้องรับการบริการจากโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสมทบสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาท / บุตร 1 คน แต่ต้องไม่เกินครั้งละ 3 คน โดยจะหมดสิทธิ์รับเงินนี้เมื่อบุตรอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน ภายใน 36 เดือนก่อนได้รับเงินทดแทน
เมื่อผู้ประกันตนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เลือกรับเงินสมทบชราภาพได้ 2 รูปแบบ
รักษาในสถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ฟรี ทั้งเจ็บป่วยปกติและฉุกเฉิน โดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย หากเป็นโรงพยาบาลเอกชน กรณีฉุกเฉินไม่ต้องสำรองจ่ายภายใน 72 ชั่วโมง รวมทั้งเบิกค่ารักษาได้ตามที่จ่ายจริง แต่จำกัดวงเงินต่างกันไปตามการรักษา นอกจากนี้หากแพทย์ให้หยุดงานเพื่อรักษาตัว ยังได้รับเงินชดเชย จากการขาดรายได้ 50% ของค่าจ้าง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ครั้งละไม่เกิน 90 วัน ปีละไม่เกิน 180 วัน
ที่สำคัญประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิ์การเข้าถึงสิทธิการรักษา 5 โรค โดยผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรับบริการ เฉพาะโรงพยาบาลที่กำหนดเท่านั้น
กรณีทุพพลภาพร้ายแรงจะได้รับเงินชดเชยร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต รวมทั้งได้รับสิทธิ์จ่ายตามจริงเมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ หากรักษาที่เอกชน กองทุนจะจ่ายให้เดือนละไม่เกิน 2,000 บาท สำหรับผู้ป่วยนอก ส่วนผู้ป่วยในได้เดือนละไม่เกิน 4,000 บาท ทั้งนี้เมื่อชราภาพแล้วผู้ทุพพลภาพยังคงได้รับสิทธิ์บำเหน็จเหมือนคนทั่วไป
เงินที่จ่ายสบทบเข้ากองทุนประกันสังคม สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีประจำปีได้ตามการจ่ายจริง เช่น หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเดือนละ 750 บาทครบ 12 เดือน จะขอลดหย่อนภาษีได้ 9,000 บาท
สำหรับผู้ประกันที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม สามารถศึกษาสิทธิประกันสังคมเพื่อจะได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองในกรณีต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะสงเคราะห์บุตร ด้านสุขภาพ หรือเงินชดเชยว่างงาน สำหรับใครที่ยังว่างงานอยู่ก็สามารถสมัครงานได้ผ่านทาง JobsDB มีงานดี ๆ จากบริษัทชั้นนำมากมายทุกสายอาชีพ