สิ่งหนึ่งที่มนุษย์เงินเดือนรอคอยมาตลอดทั้งปีคงหนีไม่พ้นเงินโบนัส ซึ่งต้นปีแบบนี้ก็เป็นช่วงเวลาแจกโบนัสของหลายๆ บริษัท พนักงานบางคนถึงกับวางแผนล่วงหน้าไว้เลยว่าจะต่อยอดเงินโบนัสให้งอกเงยอย่างไร จะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ดีมั้ยนะ หรือจะนำไปจับจ่ายใช้สอยซื้อความสุขให้กับตัวเอง แต่เมื่อถึงวันที่รู้ว่าจำนวนเงินโบนัสได้น้อยกว่าเดิมอีก ความรู้สึกไม่พอใจต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมา
“บริษัทใกล้เจ๊งแล้วเหรอ?”
“ทำงานแทบตายได้โบนัสแค่เนี้ยะ”
“อ๋อ เราไม่ใช่คนโปรดสินะ”
“ลาออกเลยดีมั้ย?”
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนคิดลบและโทษทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว เราขอแนะนำให้คุณตั้งสติก่อน ลองกลับมาทบทวนดีๆ ว่าโบนัสที่ได้สมเหตุสมผลหรือไม่ มีสิ่งไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไข โดยพิจารณาจากหลักง่ายๆ 4 ข้อต่อไปนี้
โบนัสก็เปรียบเสมือนเค้กก้อนใหญ่ที่เจ้าของวันเกิดอาจตัดแบ่งให้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละแผนกมีผลการทำงานเป็นอย่างไร แล้วเปรียบเทียบเพื่อกำหนดสัดส่วนการจ่ายโบนัส แผนกไหนมีผลงานโดดเด่นที่สุดในปีนั้น ๆ ก็ย่อมได้รับโบนัสสูงกว่าแผนกอื่น แม้แต่เพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกันเอง ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องได้รับโบนัสเท่าๆ กัน สิ่งที่มีผลกับโบนัสอยู่ที่การประเมินผลงานจากหัวหน้างานโดยตรงหรือผู้บริหารบริษัท ซึ่งขึ้นอยู่กับคุณภาพของงานว่าเป็นที่น่าพึงพอใจหรือไม่ รวมทั้งการประพฤติตัวของพนักงานด้วย เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว ยังส่งผลให้เครียดและกดดันอีกด้วย
พิจารณาประสิทธิภาพในการทำงานของปีที่ผ่านมาว่าผลงานของเราคุ้มค่ากับโบนัสที่ได้รับหรือไม่ หลายคนมักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า ฉันทำเต็มที่แล้ว ทุ่มเทแรงใจแรงกายกับการทำงาน ส่งงานตรงเวลาตลอดแทบไม่มีข้อผิดพลาด แต่นอกจากปริมาณงานแล้ว ยังต้องคำนึงถึงคุณภาพของงาน ซึ่งไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลข เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความกล้าแสดงออก เสนอไอเดียใหม่ๆ การทำงานเป็นทีม รวมไปถึงการมีส่วนร่วมต่อกิจกรรมขององค์กร การปฏิบัติตามกฏระเบียบ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณเป็นคนทำงานดีอยู่แล้ว แต่พรีเซนต์งานไม่เก่ง ไม่ค่อยชอบแสดงความคิดเห็น โอกาสที่หัวหน้าหรือผู้บริหารจะเห็นผลงานก็ยาก หรือผลงานดีมากแต่ส่งงานช้าตลอด หากพิจารณาแล้วคุณภาพการทำงานของเราลดลงจริง ก็ต้องยอมรับแต่ไม่ยอมแพ้ มาเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ พัฒนาตัวเองตั้งแต่ต้นปีนี้เลย
ขึ้นอยู่ว่าเงินโบนัสที่ได้ลดลงจากปีก่อนๆ เท่าไหร่ ถ้ามากถึงครึ่งต่อครึ่ง ก็อาจจะทำให้คุณตัดสินใจโบกมือลาบริษัทได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินเดือนปัจจุบันที่คุณได้รับด้วย ถ้าคุณมีเงินเดือนเพียงพอกับค่าใช้จ่าย ไม่ได้เดือดร้อน ไม่มีหนี้สินติดตัว การได้โบนัสลดลงก็อาจจะไม่ได้กระทบชีวิตมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเงินเดือนก็ไม่ได้สูงแล้วยังได้โบนัสน้อยอีก ก็อาจจะลองมองหางานใหม่สำรองเอาไว้ เพิ่มโอกาสในการอัพเงินเดือน และมองหาบริษัทที่จ่ายโบนัสให้พนักงานในอัตราที่ดีกว่า โดยปกติแล้วแต่ละบริษัทจะพิจารณาเงินโบนัสจากเกณฑ์การประเมินของพนักงานประจำปี แต่ละแห่งก็จ่ายโบนัสไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 1.5 ไปจนถึง 8 เดือนเลยทีเดียว บางที่อาจจะแบ่งจ่ายเป็น 2 หรือ 3 งวดแทน รวมถึงโบนัสที่ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดโดยตรง เช่น บัตรของขวัญกำนัล หรือจ่ายเป็นหุ้นแทนเงิน
นอกจากเงินโบนัสแล้วถ้าบริษัทยังมีสวัสดิการอื่นๆ จัดสรรให้พนักงานอย่างคุ้มค่า เช่น อบรมเวิร์กช็อป จัดทริป Outing ประจำปี ให้สิทธิ์พนักงานใช้บริการฟิตเนสต่างๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือมีห้องออกกำลังกายที่ออฟฟิศ ก็ถือว่าทดแทนเงินโบนัสได้ในระดับหนึ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิทธิประโยชน์ที่พนักงานทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนกับจำนวนเงินโบนัสที่ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการประเมินผลงานและผลกำไรของบริษัทในปีนั้นๆ แต่สวัสดิการที่ดีจะช่วยให้พนักงานเกิดความซื่อสัตย์และผูกพันกับองค์กร ในมุมของนายจ้างก็ถือเป็นการซื้อใจให้พนักงานทำงานในระยะยาว บางบริษัทอาจจะเน้นให้สวัสดิการที่ดีเยี่ยม และให้เงินเดือนสูงๆ เพราะต้องการพนักงานที่มีคุณภาพและอยากร่วมงานกันจริงๆ มากกว่าคนที่หวังจะมากอบโกยโบนัส ที่พอได้แล้วก็ลาจากกันไป
ถึงแม้ว่าโบนัสจะเป็นแรงจูงใจให้พนักงานตัดสินใจว่าจะร่วมงานกับบริษัทนั้นต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าเรามองให้ลึกกว่าจำนวนเงิน ปีนี้ได้ โบนัสน้อย ลงก็จริง แต่สิ่งดีๆ ที่เราได้เพิ่มมาในชีวิตมีอะไรบ้าง งานที่เราภาคภูมิใจ ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน สวัสดิการบริษัท ฯลฯ เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เปลี่ยนความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจให้เป็นพลังบวกเพื่อพัฒนาศักภาพตัวเองจะดีกว่า
#คว้าโอกาสที่ใช่ให้ชีวิตได้เรียนรู้
#jobsdb
หางานได้ง่ายกว่าเดิมผ่าน application บนมือถือจาก jobsdb ทั้ง iOS และ Android โหลดเลย